'มิ้งค์' และเหยื่อผู้เสียหาย รถเครนถล่ม ร่วมไกล่เกลี่ยบริษัทฯ รับเหมา
“มิ้งค์” ดาราสาว และเหยื่อผู้เสียหาย รถเครนถล่ม ร่วมไกล่เกลี่ยเจ้าหน้าที่บริษัทฯ รับเหมา
จากกรณีรถเครน ซึ่งมีความสูง 27 เมตร ภายในไซต์งานก่อสร้างอาคาร 6 ชั้น ซอยศาลาแดง 2 ล้มฟาดใส่บริเวณด้านหน้ารถยนต์ของ คุณป้าวัย 60 ที่ขับผ่านมา จนได้รับบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังล้มทับสายไฟ และรั้งเสาไฟจนหักโค่น จำนวน 7 ต้น และต้นไม้อีก 5 ต้น ส่วนแขนเครนเหล็กยังตกกระแทกใส่ดาดฟ้าอาคารพาณิชย์ฝั่งตรงข้าม จนทำให้แผ่นปูนเศษอิฐตกใส่หลังคารถยนต์ของดาราสาว( มิ้งค์-ณัฏฐริณีย์ กรรณสูต) ที่จอดอยู่ถัดไปอีกซอย ทำให้เจ้าตัวถึงกับตกใจ เพราะอีกนิดเดียวปลายเครน ก็จะทะลุถึงห้องนอน หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เร่งติดตามคนควบคุมเครน ซึ่งอาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป ส่วนสาเหตุเบื้องต้นพบรอยฉีกที่ฐานเครน ซึ่งในเบื้องต้นเชื่อว่า เครนรับน้ำหนักไม่ไหว เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 ก.ย. ในท้องที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ก.ย.2561 ที่ห้องประชุม สน.ทุ่งมหาเมฆ น.ส.ณัฏฐริณีย์ กรรณสูต หรือ (มิ้งค์) ผู้ได้รับความเสียหาย ได้เดินทางเข้ามาร่วมเจรจาไกล่เกลี่ยกับทางบริษัทผู้รับเหมา ตัวแทนประกันภัย และตัวแทนบริษัทฯเครน โดยมี ร.ต.อ.มงคล ไพรศูนย์ รองสว.(สอบสวน) สน.ทุ่งมหาเมฆ เจ้าของคดีเป็นผู้อำนวยความสะดวกในการเจราจาไกล่เกลี่นครั้งนี้
นายประวิทย์ คุปตานนท์ ที่ปรึกษาบริษัทผู้รับเหมา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนต้องขอโทษต่อผู้ที่ได้รับความเสียหายด้วย และยืนยันว่า ทางบริษัทจะรับผิดชอบเยียวยาจ่ายค่าเสียหายให้กับทุกคน โดยจะจ่ายค่าชดเชยเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับความเสียหายแก่ร่างกาย ทรัพย์สิน และที่กระทบจากการตัดระบบสาธารณูปโภค ตนยอมรับว่าการพิจารณาค่าสินไหมทดแทน และค่าเสียหาย ต้องละเอียด เนื่องจากการเยียวยาค่าเสียหายต้องมีระบบ แต่ยืนยันจะมีการเยียวยาให้อย่างแน่นอน และอยากทำความเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่จะต้องขอข้อมูลอย่างละเอียด ซึ่งในส่วนของความเสียหายที่ไม่มาก และเห็นได้ชัดเจน จะสามารถดำเนินการจ่ายเงินให้แล้วเสร็จได้ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนความเสียหายที่มากขึ้น หรือที่มองไม่เห็น ทางบริษัทประกันภัยจะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนให้โดยเร็วที่สุด
นายประวิทย์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนการจัดเตรียมเอกสารหลักฐานเรียกร้องค่าเสียหายนั้น ตนขอชี้แจงว่า หากเป็นความเสียหายเรื่องทรัพย์สิน ให้เตรียมเอกสารใบเสนอราคา หรือใบเสร็จค่าซ่อมแซม หากเป็นความเสียหายต่อธุรกิจ ให้เตรียมหลักฐานที่มาที่ไปของรายได้ที่ขาดหาย ขณะที่ในส่วนของกรณีบาดเจ็บนั้น ให้ทางผู้บาดเจ็บขอใบรับรองแพทย์ และใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล หากไม่มีเงินสำรองจ่าย สามารถติดต่อไปทางบริษัทได้ทันที ทางบริษัทจะดูแลเรื่องการรักษาพยาบาลให้ ไม่ต้องรอการพิจารณาชดเชย และกรณีทรัพย์สินที่ทำประกันภัยไว้ อาทิ รถยนต์ ให้สำเนาหลักฐานใบเคลมประกันไว้ด้วย
“ขณะนี้มีผู้เสียหายได้เข้าลงทะเบียนร้องเรียน เพื่อเรียกค่าเสียหายจำนวนทั้งหมด 31 ราย โดยบริษัทประกันภัย พร้อมวิศวกรจะทยอยลงพื้นที่สำรวจความเสียหายอาคารบ้านเรือน เพื่อประเมินตามหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยา ซึ่งในวันที่24 ก.ย.นี้ จะมีการลงพื้นที่ประสานงานกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล และในวันที่ 25 ก.ย.จะมีวิศวกรลงไปสำรวจร้านค้า บ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบ สำหรับการรับเรื่องร้องเรียนนั้นจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 28 ก.ย.” นายประวิทย์ กล่าว
ด้าน น.ส.ณัฏฐริณีย์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการนัดเจรจาครั้งแรกหลังเกิดเหตุ ก่อนหน้านี้มีเพียงสำนักงานเขต เข้ามาสอบถามข้อมูลในเรื่องการซ่อมแซมบ้านเท่านั้น แต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ โดยความเสียหายของตนเอง มีหลังคาบ้าน รถยนต์ส่วนตัว และความเสียหายอื่นๆ เล็กน้อย แม้จะมีมูลค่าไม่มาก แต่มีเรื่องของค่าเสียเวลา เนื่องจากไม่มีรถใช้งาน
เบื้องต้น ร.ต.อ.มงคล ได้ทำหนังสือไปยัง บช.สตม. เพื่อตรวจสอบว่าคนขับรถเครน ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าว ว่าได้เดินทางออกนอกประเทศแล้วหรือยัง ตอนนี้กำลังรอหนังสือตอบกลับ เพื่อจะได้รู้ว่าคนขับรถเครนนั้นยังอยู่ในประเทศ หรือออกจากประเทศไทยไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินกับใคร ต้องรอสอบสวนพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป