เหยื่อแก๊งตร.รีดเงิน ชี้จุดประกอบสำนวน เผยจ่ออีก3หมายจับ

เหยื่อแก๊งตร.รีดเงิน ชี้จุดประกอบสำนวน เผยจ่ออีก3หมายจับ

พ่อค้าส้มตำ เหยื่อแก๊งตร.รีดเงิน ชี้จุดประกอบสำนวน ด้าน "นครบาล1" เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 3 มีพลเรือนเอี่ยวด้วย

จากกรณีนายศักดิ์ชัย แน่นอุดร อายุ 49 ปี ประกอบอาชีพค้าขายส้มตำ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สน.พญาไท ให้ดำเนินคดีกับตำรวจ สังกัดกองกำกับการสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 และนายเชษฐา หรือต่อ กับพวกประมาณ 10 คน ที่ได้ร่วมกันกรรโชก และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ เรียกรับเงินสินบนจากตนเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท ต่อมา พล.ต.ต.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบก.น.1 ได้มีคำสั่งย้าย 7 นายตำรวจสังกัด กก.สส.บก.น.1 ไปช่วยราชการที่ ศปก.บก.น.1 โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม เหตุเกิดกลางดึกของวันที่ 10 ส.ค.ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 กันยายน ที่ สน.พญาไท นายศักดิ์ชัย แน่นอุดร ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.วิชัย แดงประดับ ผกก.(กลุ่มงานสอบสวน) บก.น.1 หัวหน้าคณะทำงานในคดีดังกล่าวเพื่อไปชี้จุดจ่ายเงิน 50,000 บาทให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อประกอบในสำนวนคดี

โดยจุดแรกเป็นจุดร้านอาหารที่ลูกสาวนั่งอยู่ตรงเก้าอี้ของร้านอาหารข้างกับกก.สส.บก.น.1 ในคืนวันที่10 ส.ค. เป็นคืนที่ลูกสาวถูกจับตัวมาจากบ้าน ซึ่งวันดังกล่าวนั้นนายศักดิ์ชัยเห็นลูกสาวนั่งกับคนชื่อบอมบ์และผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งทำงานรับใช้ตำรวจในกก.สส.บก.น.1 ทางนายศักดิ์ชัยได้พาลูกสาวกลับบ้านทันที

ต่อมา มีคนอ้างตัวเป็นตำรวจมาที่บ้านแล้วใช้วาจาหยาบคายกับนายศักดิ์ชัย ก่อนคุมตัวกลับมาที่กก.สส.บก.น.1 กล่าวหาว่านายศักดิ์ชัยพาผู้ต้องหาหนี นำไปสู่การชี้จุดที่สอง ซึ่งตำรวจพานายศักดิ์ชัยมานั่งที่ชั้น 2 ของอาคารกก.สส.บก.น.1 เพื่อคุยกันเรื่องเงินที่ต้องจ่ายให้เพื่อหลุดจากข้อกล่าวหาตามหมายจับค้างเก่าและคดีพาผู้ต้องหาหลบหนี ต่อมาเมื่อตกลงเรื่องเงินกันได้ที่ราคา 50,000 บาท นายศักดิ์ชัยได้ให้ลูกชายนำเงินใส่ซองมาให้ตำรวจที่ชั้น 1 โดยพ่อค้าส้มตำคนนี้มองเห็นการมอบเงินจากชั้น 2

จากนั้นจุดที่ 3 เจ้าหน้าที่ได้พานายศักดิ์ชัยขึ้นไปพูดคุยเรื่องเงินภายในห้องทำงานของกก.สส.บก.น.1 โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนขึ้นไปถ่ายภาพ โดยตำรวจอ้างว่าพื้นที่คับแคบจะไม่สะดวกในการชี้จุด ส่วนจุดสุดท้ายที่สน.พญาไทเป็นจุดที่รับเงิน 50,000 บาทคืน รวมเวลาการชี้จุดประมาณ1ชั่วโมง

นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า วันเกิดเหตุเมื่อคุยเรื่องเงินและตนเห็นลูกชายนำเงินมาให้แล้ว จากนั้นตำรวจได้พาเดินจากชั้น 2 เข้าไปที่ห้องทำงานของกก.สส.บก.น.1ทันที แต่วันนี้ประตูเหล็กทางเชื่อมชั้น2ปิดลงไป ทั้งที่ปกติก็เปิดตลอด ทำให้ต้องเข้าอีกทางหนึ่ง โดยเมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมา มีจดหมายติดสแตมป์ไม่บอกที่อยู่ผู้ส่งแต่จ่าที่อยู่ตน ภายในเป็นจดหมายที่ใช้เครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์ ลงชื่อว่า สำเนา หมูจุ้ม (มือปราบเก่า) มีข้อความทำนองด่าตนว่า ทำเรื่องสกปรก จะตายเหมือนหมาข้างถนน ซึ่งในคดีนี้ตนยังหวาดผวาเพราะตำรวจที่กระทำผิดยังโดนพักราชการแต่ไม่ได้ถูกคุมขัง ต่างจากประชาชนที่ทำผิดแล้วต้องถูกคุมขังทันที ตอนนี้ไปเปิดร้านส้มตำก็ต้องระวังตัว เพราะตกเป็นเป้า จึงจะไปขายส้มตำที่อื่นแล้ว อย่างไรก็ดี ขณะนี้ตนพร้อมดับเครื่องชนไม่สนใจอะไรแล้ว ที่ผ่านมาก็มีคนมาข่มขู่ตนตลอด จากนี้ก็จะให้ปากคำกับตำรวจสน.พญาไทต่อไป

ด้าน พ.ต.อ.วิชัย กล่าวว่า หลังจากนี้จะทำการสอบสวนพยานทั้งหมด ตอนนี้ได้แจ้งข้อกล่าวหาตำรวจทั้ง 6 คนแล้วคือร่วมกันกรรโชกทรัพย์และใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบข่มขืนหรือจูงใจให้มอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่นนั้น รวมถึงยังได้แจ้งข้อร่วมกันกรรโชกทรัพย์แก่พลเรือนอีก 3 คนด้วย ตอนนี้เจ้าหน้าที่ทราบตัวชื่อของพลเรือนทั้งหมดแล้ว ทางฝ่ายสืบสวนพญาไทกำลังหาภาพพลเรือน ภายใน 2 วันนี้ หากยังไม่ได้ภาพก็จะให้นายศักดิ์ชัยไปสเก็ตช์ภาพพลเรือน ตอนนี้จะทำการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ทางปปช.ต่อไปในส่วนที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนพลเรือนทั้ง3คนนั้น ตำรวจจะดำเนินการจับกุมแจ้งข้อหาตามกฎหมายต่อไป