เรียกสอบ '6จนท.รัฐ' โยงเครือข่าย 'อดีตผู้การฯเลย' คดีฉาวฟอกเงินพันล้าน

เรียกสอบ '6จนท.รัฐ' โยงเครือข่าย 'อดีตผู้การฯเลย' คดีฉาวฟอกเงินพันล้าน

รองผบ.ตร. ลุยอีสาน เรียกสอบปากคำ "6 เจ้าหน้าที่รัฐ" หลังพบความเชื่อมโยงกับเครือข่าย "พล.ต.ต." อดีตผู้การฯเลย คดีฉาวโกงตร.ฟอกเงินพันล้าน

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องคดีสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจภูธรจังหวัดเลย กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันประชุมติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีเครือข่ายของ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย โกงเงินกู้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเลย จำนวน 240 ล้านบาท และหลอกลวงประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานให้ร่วมลงทุน เป็นมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท

พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งดำเนินการสืบสวนสอบสวนเพื่อให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพื่อคลี่คลายความเดือดร้อนให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนทั่วไป ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำความผิดของกลุ่มเครือข่ายอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในการสืบสวนล่าสุดมีทั้งหมด 17 คน ทำการจับกุมไปแล้ว 7 คน และจะเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อสอบปากคำในวันนี้ จำนวน 7 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ 6 คน และพลเรือนอีก 1 คน ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนจะทำการสอบปากคำอย่างละเอียดว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มเครือข่ายผู้กระทำความผิดหรือไม่

รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า การสอบปากคำในวันนี้หากพบหลักฐานชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่รัฐคนใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายผู้กระทำความผิด ก็จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบทันทีพร้อมกับแจ้งพฤติการณ์ในการกระทำผิดในคดี หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของต้นสังกัดของหน่วยงานราชการแต่ละส่วนที่จะไปพิจารณาในเรื่องของวินัย แต่หากผู้กระทำผิดเป็นข้าราชการตำรวจก็จะดำเนินการได้โดยเร็ว ภายใน 2 วัน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรายอื่นๆ เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าสืบสวนสอบสวนเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย พร้อมทั้งใช้มาตรการในการยึดทรัพย์ผู้ที่อยู่ในเครือข่ายการกระทำความผิดมาขายทอดตลาด เพื่อนำเงินที่ได้มาเฉลี่ยคืนให้กับข้าราชการตำรวจและประชาชนให้ได้มากที่สุด ซึ่งผลกระทบจากการทุจริตโกงเงินในครั้งนี้สร้างความเสียหายมากกว่า 1,000 ล้านบาท