บุก 'กกพ.' จี้ตรวจสอบ 'จีพีเอสซี' เข้าซื้อหุ้น 'โกลว์' หวั่นขัดรธน.

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังวันนี้ (12ก.ย.) เดินทางมายื่นหนังสือต่อนายพรเทพ ธัญญพงศ์ชัย ประธานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่สำนักงาน กกพ. เพื่อขอให้ตรวจสอบการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท โกลว์ พลังงงาน จำกัด (มหาชน) หรือ GLOW ของ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ปตท.

นายกรณ์ ระบุว่า การเดินทางมายื่นหนังสือให้กกพ. ครั้งนี้ เพื่อต้องการให้กกพ.ในฐานะผู้มีอำนาจพิจารณาอนุมัติโอนย้านใบอนุญาตประกอบกิจการพลังงาน เข้าไปตรวจสอบกรณีการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวของเครือ ปตท.ที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่เข้าไปแข่งขันกับเอกชนในธุรกิจไฟฟ้า ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรา 75 ที่มีข้อห้ามให้หน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจทำธุรกิจเพื่อแข่งขันกับเอกชน

ซึ่งกรณีนี้ทำให้ผู้ประกอบการกังวลและร้องเรียนความได้เปรียบเสียเปรียบ เนื่องจาก ปตท. เป็นผู้ประกอบค้าก๊าซรายใหญ่และรายเดียวในประเทศ แม้จะมีการเปิดเสรีธุรกิจแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีเอกชนรายใดเข้ามาแข่งขัน จึงทำให้ปัจจุบัน ปตท.ยังคงผูกขาดและได้เปรียบในธุรกิจก๊าซรายใหญ่และรายเดียว ที่อาจจะกระทบต่อการแข่งขันธุรกิจปิโตรเคมี

แม้ว่า ปตท.จะชี้แจงว่าการเข้าซื้อหุ้นโกลว์ เป็นการดำเนินการโดย จีพีเอสซี ที่มีสถานะเป็นเอกชน ซึ่ง ปตท.ถือหุ้นในจีพีเอสซี ในสัดส่วน 20% แต่หากรวมถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมแล้ว มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 50% ขณะที่สัดส่วนการลงทุนร่วมกันจะมีเพียง 10% ของกำลังการผลิตทั้งหมด หรือประมาณ 4-5พันเมกะวัตต์ ในพื้นที่มาบตาพุด ซึ่งประเด็นนี้ ผู้ประกอบการมองว่าเป็นการผูกขาดในเชิงพื้นที่ จึงต้องการให้ กกพ.เข้าไปตรวจสอบ ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

นอกจากนี้ ในวันนี้ ยังจะเดินทางไปยื่นหนังสือให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน พิจารณาว่าการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าวขัดต่อกฎหมามรัฐธรรมนูญ มาตรา 75 หรือไม่ ซึ่งหากขัดต่อกฎหมายก็เป็นอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินที่จะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินต่อไป

“ผมไม่ได้ยืนคัดค้านตาม พ.ร.บ.แข่งขันทางการค้า ไม่ได้บอกว่า ผูกขาดธุรกิจไฟฟ้า แต่ปตท.ผูกขาดการค้าก๊าซ ดังนั้นการที่มีรัฐวิสาหกิจได้สิทธิพิเศษมาแข่งขันในธุรกิจมันควรหรือไม่ ”