ปศุสัตว์ย้ำโรคอหิวาต์แอฟริกาหมูที่เกิดในจีน-ยุโรปบางประเทศ ไม่ติดต่อคน

ปศุสัตว์ย้ำโรคอหิวาต์แอฟริกาหมูที่เกิดในจีน-ยุโรปบางประเทศ ไม่ติดต่อคน

ปศุสัตว์ย้ำโรคอหิวาต์แอฟริกาหมูที่เกิดในจีนและยุโรปบางประเทศ ไม่ติดต่อคน ส่วนไทยเน้นมาตรการป้องกันโรคเข้มงวดทั้งหมูและสัตว์ปีก


นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยยังไม่เคยพบการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) ที่เกิดในประเทศจีนและบางประเทศในแถบยุโรป และขอย้ำว่าโรคนี้เป็นโรคไวรัสที่ระบาดในสุกร ไม่ได้ติดต่อระหว่างสัตว์และคน ปัจจุบันโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนและวิธีการรักษาที่จําเพาะ หากพบการระบาดจะต้องกําจัดสุกรสถานเดียว กรมปศุสัตว์จึงออกมาตรการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ต้องเข้มงวดดําเนินการ เพื่อเฝ้าระวังและเตรียม ความพร้อมในกรณีดังกล่าว และแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาแผนเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุ โดยมีอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็น ประธาน และมีกรรมการจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งตัวแทนจากภาครัฐ เอกชน คณาจารย์ และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เพื่อ สกัดกั้นASF ไม่ให้เข้ามาในประเทศไทยและได้สั่งการให้ปศุสัตว์อําเภอและปศุสัตว์จังหวัดลงพื้นที่แนะนําให้เกษตรกรดูแลสุกร อย่างเข้มงวด โดยสังเกตอาการของโรคที่จะทําให้สัตว์ตายเฉียบพลัน มีไข้สูง ผิวหนังแดง มีจุดเลือดออกหรือรอยช้ำ พร้อมป้องกัน ฝูงสัตว์จากการสัมผัสโรค เน้นระบบจัดการฟาร์มและระบบป้องกันโรค เลี้ยงสัตว์ในคอกและไม่ปล่อยสัตว์ให้หากินตามธรรมชาติ


“กรมปศุสัตว์ออกมาตรการให้กองสารวัตรและกักกัน เข้มงวดการตรวจค้นและปราบปรามการลักลอบการนําเข้าหมูเถื่อนจาก ประเทศเพื่อนบ้าน ตามแนวชายแดนและด่านพรมแดนทั้ง 89 ช่องทางใน 25 จังหวัด รวมถึงชะลอการนําเข้าสุกรมีชีวิตและผลิตภัณฑ์ สุกรจากจีนและประเทศที่มีการระบาดของโรคเป็นระยะเวลา 90 วัน ควบคู่กับมาตรการป้องกันและกําจัดเชื้อโรคที่ทําอยู่แล้วให้ เข้มข้นขึ้น” อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าว


ขณะเดียวกัน กรมปศุสัตว์ได้ติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรคระบาดสัตว์ปีกอย่างใกล้ชิดมาตลอด พร้อมเข้มงวด มาตรการดูและและป้องกันโรค โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงตลอดทั้งวัน ที่ส่งผลให้สัตว์ปีกปรับสภาพไม่ทัน ทําให้ร่างกายอ่อนแอ กรมปศุสัตว์จึงสั่งกําชับให้เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ทั่วประเทศ สนธิกําลังกับอาสาปศุสัตว์ทุกจังหวัด ลงพื้นที่ ตรวจเยี่ยมเกษตรกร เร่งให้คําแนะนําและความรู้ด้านการป้องกันโรคเพื่อลดความเสี่ยงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น โดยเน้นดูแลสุขภาพสัตว์ปีก พร้อมรณรงค์ทําความสะอาดพ่นน้ํายาฆ่าเชื้อในจุดที่มีการเลี้ยงสัตว์ปีก เป็นประจําให้ครอบคลุมทุกพื้น ทั้งนี้หากพบสัตว์ปีกป่วยตาย ผิดปกติ ห้ามทิ้งซากสัตว์ปีกลงแหล่งน้ําหรือนําไปประกอบอาหารโดยเด็ดขาด และให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ในพื้นที่ให้เข้าตรวจสอบ อย่างทันท่วงที


“กรมปศุสัตว์บูรณาการร่วมกับสํานักงานสาธารณสุขจังหวัด หน่วยงานในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ในการป้องกันโรคสัตว์ปีกอย่างต่อเนื่อง ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกับข่าวต่างๆ และขอให้ มั่นใจว่าประเทศไทยมีมาตรการเฝ้าระวังโรคระบาดอย่างเข้มงวด โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ลงพื้นที่ติดตามและป้องกันโรค” อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวและว่า


หากมีข้อสงสัยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น สํานักงานปศุสัตว์อําเภอ หรือสํานักงาน ปศุสัตว์จังหวัดใกล้บ้าน และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สํานักควบคุม ป้องกันและบําบัดโรคสัตว์ (สคบ.) กรมปศุสัตว์ หรือติดต่อ กับกรมปศุสัตว์ผ่านแอพพลิเคชั่น DLD