ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วงกว่า1%

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสร่วงกว่า1%

หลังสต็อกน้ำมันเบนซินสหรัฐเพิ่มมากกว่าคาด

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (6ก.ย.)ปรับตัวลงกว่า1% หลุดระดับ 67 ดอลลาร์ หลังมีการเปิดเผยข้อมูลระบุว่าสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดัน หลังจากที่พายุเฮอร์ริเคนกอร์ดอนอ่อนแรงลง และได้เคลื่อนตัวออกจากอ่าวเม็กซิโก โดยไม่ได้สร้างความเสียหายต่อแหล่งผลิตน้ำมันดังกล่าว

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ ร่วงลง 95 เซนต์ หรือ 1.4%  ปิดที่ราคา  67.77 ดอลลาร์/บาร์เรล  ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 63 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 76.64 ดอลลาร์/บาร์เรล

ทั้งนี้ สำนักงานสารนิเทศด้านพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่โรงกลั่นเพิ่มกำลังการผลิตแต่อีไอเอ ระบุว่า สต็อกน้ำมันเบนซิน และสต็อกน้ำมันกลั่นได้เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และ 3.1 ล้านบาร์เรลตามลำดับ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นในช่วงแรก โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และอุปสงค์น้ำมันสหรัฐที่แข็งแกร่ง โดยดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของสัญญาน้ำมัน โดยทำให้สัญญามีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ดอลลาร์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 111 เยนในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนรอผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา ซึ่งได้เริ่มขึ้นเมื่อวานนี้

เมื่อเวลา 23.05 น.ตามเวลาไทย ดอลลาร์ร่วงลง 0.63% สู่ระดับ 110.82 เยน ขณะที่ยูโรปรับตัวลง 0.69% สู่ระดับ 128.80 เยน และอ่อนค่า 0.07% สู่ระดับ 1.1621 ดอลลาร์ ส่วนดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลบ 0.06% สู่ระดับ 95.13

ดอลลาร์อ่อนค่าแตะกรอบล่างของ 111 เยนในการซื้อขายช่วงแรก โดยได้รับผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 6.7 แมกนิจูดที่เกาะฮอกไกโด ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น เมื่อคืนนี้ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง