คตช.แถลงผลการดำเนินการต้านโกง ยกเครื่องอนุกก.ปราบปราม

คตช.แถลงผลการดำเนินการต้านโกง ยกเครื่องอนุกก.ปราบปราม

คตช. แถลงผลดำเนินงานต้านโกง จ่อตั้งอนุกรรมการฯยกเครื่องปราบทุจิตเข้ม จ่อตั้ง คตช. เป็นองค์กรถาวร

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. เวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(คตช.) แถลงผลการประชุม คตช. ครั้งที่ 1/2561 ที่มีพล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมมีการรับทราบการดำเนินงานของ คตช. ที่ผ่าน มา โดยคณะที่ 1.อนุกรรมการด้านปลูกฝังจิตสำนึกได้แจ้งผลงาน โครงการโตไปไม่โกง เพื่อปลุกสร้างคุณธรรมที่เข้มแข็ง ให้เด็กแและเยาวชน ซึ่งโครงการที่ได้รับรางวัลระดับเอเชีย ในด้านการนำการตลาด เข้ามาเปลี่ยนแปลงค่านิยมของคนในสังคม

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวต่อไปว่า คณะที่ 2. อนุกรรมการด้านการป้องกันการทุจริต ได้เสนอผลงาน ในการลดโอกาสการทุจริต และขับเคลื่อนการดำเนินการตาม พ.ร.บ.อำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 คณะที่ 3. อนุกรรมการปราบปรามการทุจริต ได้เสนอผลการดำเนินการในคดีต่างๆ อาทิ คดีคลองด่าน ที่มีการรื้อฟื้นจนศาลปกครองกลาง จนศาลปกครองกลางสามารถพิจารณาคดีนี้ใหม่อีกครั้งได้ อีกทั้งยังมีคดีเงินทอนวัด คดีจำนำข้าว ทั้งนี้คณะอนุกรรมการชุดนี้ยังได้ ดำเนินการจัดทำปรับปรุง แผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐ แบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4,000 ได้เสร็จสิ้นแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้รอการเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวต่อไปว่า คณะที่ 4. อนุกรรมการด้านการประสานงานข้อตกลงคุณธรรม ได้ดำเนินการ ให้มีผู้สังเกตการณ์ในการจัดซื้อจัดจ้างระหว่างส่วนราชการกับผู้ประกอบการ ตั้งแต่กระบวนการจัดทำเอกสารประกวดราคา จนถึงขั้นตอนส่งมอบงาน ซึ่งถือเป็นข้อตกลงคุณธรรม ถ้าเห็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องในขั้นตอนใด ก็สามารถแจ้งให้คณะอนุกรรมการทราบ เพื่อปรับปรุงแก้ไขได้ต่อไป โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้ สามารถดำเนินการประหยัดงบในการจัดซื้อจัดจ้าง ได้ 21,800 ล้านบาท ใน 79 โครงการ ที่เข้ามาร่วมกับรัฐบาลชุดนี้ ทั้งในส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว 11 แห่ง และอยู่ระหว่างดำเนินการ 68 แห่ง ทั้งนี้จะมีการยกระดับค่าดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์ปัญหาคอร์รัปชั่นในประเทศ (CPI) ของประเทศไทย จากเดิมที่ปีที่ผ่านมาเราได้ 37 เต็ม 100 ซึ่งเป็นลำดับที่ 96 จาก 180 ประเทศ

นอกจากนี้ เลขาธิการ ป.ป.ท. กล่าวอีกว่า ในการดำเนินครั้งต่อไปของ คตช. นั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงและตั้งคณะอนุกรรมการเพิ่มขึ้น โดยคณะอนุกรรมการชุดที่ 3 ด้านการปราบปรามการทุจริต จะมีความเข้มข้นขึ้น โดยจะให้รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อขับเคลื่อนงานในด้านนี้ และตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นใหม่ ชื่อคณะอนุกรรมการเสริมสร้างความร่วมมือ ระหว่างภาครัฐ และเอกชน ในการต่อต้านทุจริต เพื่อเสริมสร้างธรรมบาลให้เด่นชัดเป็นรูปธรรม ซึ่งภาครัฐและเอกชนจะต้องมาทำงานร่วมกันและคิดร่วมกัน รวมถึงตั้งคณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตาม การดำเนินการตามมติ คตช. เพื่อติดตามกาารปฏิบัติงาน ขณะที่การทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ แม้ไม่มีการตั้งคณะอนุกรรมการ แต่มีคณะทำงานชุดย่อย ที่อยู่ในฝ่ายเลขานุการ ปปท. จะททำหน้าที่ดังกล่าว เพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนตระหนักถึงพิษภัยคอรัปชั่น

"ทั้งนี้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหลายคนใน คตช. ได้เสนอว่าจะทำอย่างไรให้กลไกการแก้ไขปัญหาการทุจริตของคตช.มีอยู่ต่อไปอย่างถาวรไม่หมดหน้าที่หรือยุบคตช.ไปพร้อมกับรัฐบาลเมื่อหมดวาระแต่ตั้งให้เป็นองค์กรตามกฎหมาย มีสถานะมั่นคงและถาวร” พ.ท.กรทิพย์ กล่าว