“พล.ต.ต.สุรเชษฐ์” โชว์รวบประธานบริษัทพันปีกรุ๊ปฯ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท หลังแอบอ้างว่ามีงบจากสหประชาชาติ เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกร กระทั่งมีเหยื่อจำนวนมากหลงเชื่อจ่ายค่าสมัครอื้อ สุดท้ายหายเข้ากรีบเมฆ
วันที่ 31 สิงหาคม 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 , พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผบก.ทท.2 , พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบก.สปพ. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายพิชย์พิพรรธ ศรีตระกูลรักษ์ หรือนายปีเตอร์ อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุรินทร์ ในคดีฉ้อโกงประชาชน มีมูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท โดยจับกุมได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในเขตอ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 30 ส.ค.
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีเกษตรกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้องเรียนถึงพฤติกรรมของบริษัทพันปี กรุ๊ป (ไทย ลาว กัมพูชา) จำกัด โดยบริษัทดังกล่าวอ้างว่า ได้รับเงินสนับสนุนงบประมาณจากองค์การสหประชาชาติ ให้นำเงินมาช่วยเหลือเกษตรกรในรูปแบบของเงินอุดหนุนรายละ 1,000,000 บาท เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และรับซื้อผลผลิตจากเกษตรโดยประกันราคา ซึ่งให้สมัครเป็นสมาชิกและต้องเสียค่าสมัครสมาชิกรวมถึงเสียค่าอบรม จึงเชื่อว่าเป็นกระบวนการหลอกลวงประชาชน จึงสั่งการให้ตรวจสอบบริษัทดังกล่าว พบว่ามีนายพิชย์พิพรรธ ศรีตระกูลรักษ์ หรือนายปีเตอร์ เป็นประธานกรรมการบริษัท พันปี กรุ๊ป (ไทย ลาว กัมพูชา) จำกัด แต่เพียงผู้เดียว และในช่วงเดือนพ.ค.61 น.ส.ณชณฆ์ ตรงใจ ประธานกรรมการบริษัท ไชนี่ อินเตอร์คอปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ได้ถูกนายพิชย์พิพรรธ หลอกลวงจากการให้รวบรวมข้าวเปลือกจากสมาชิกสหกรณ์จำนวน 325 คน เพื่อส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ แต่ถึงเวลาบริษัทพันปีกรุ๊ปฯ กลับผิดนัดไม่ชำระเงินให้ จึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ที่สภ.เมือง จ.สุรินทร์
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่านายพิชย์พิพรรธ มีหมายจับในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน” และยังมีหมายจับศาลจังหวัดสุรินทร์ ที่จ.71/2561 ลงวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,หมายจับศาลแขวงพระนครเหนือ ที่จ.92/2561 ลงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2561 ในความผิดฐาน ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ให้เงินตามเช็คในขณะนั้นไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันพึงจะให้ใช้เงินได้ และธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คนั้น, หมายจับศาลแขวงอุบลราชธานี ที่ 46/2561 ลงวันที่ 26 มีนาคม 2561 ในความผิดฐานฉ้อโกงทรัพย์ จึงได้ติดตามจับกุมตัวนายพิชย์พิพรรธได้
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบบริษัทพันปีกรุ๊ปฯ พบว่าตั้งอยู่ที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ เปิดบริษัทตั้งแต่ปี 2558 โดยนายพิชย์พิพรรธ ได้อ้างว่าได้รับเงินสนับสนุนจำนวนมากจากองค์การสหประชาชาติหรือยูเอ็น และธนาคารโลก เพื่อนำเงินมาช่วยเหลือเกษตรกรในรูปแบบโครงการต่างๆ ได้แก่ การให้เงินอุดหนุนเกษตรกรเพื่อไปดำเนินการผลิตแล้วจะมีการรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรกลับคืนมา รวมถึงให้เงินทุนกู้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย สำหรับเกษตรกรที่สนใจสามารถสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิก โดยจะต้องเสียค่าสมัครจำนวน 200,500,1,000,1,500 บาท และเสียค่าอบรม 2,500 บาท
ทางด้าน น.ส.ณชณฆ์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เร่งดำเนินการตรวจสอบให้ และสามารถติดตามจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ต้องฝากเรื่องความปลอดภัยของผู้เสียหายที่เข้าให้ข้อมูล เนื่องจากผู้เสียหายบางส่วนถูกข่มขู่จากเครือข่ายดังกล่าว และผู้เสียหายยังกังวลเรื่องของเอกสารที่นำไปยื่นสมัครสมาชิกทั้งสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน รวมถึงสำเนาสมุดบัญชีธนาคา อยากให้ตำรวจติดตามคืนผู้เสียหาย เพราะขณะสมัครสมาชิกทางเครือข่ายดังกล่าวได้ให้เซ็นของล่างกระดาษ จึงเกรงว่าเอกสารสำคัญต่างๆ จะถูกนำไปใช้ เพราะมีผู้เสียหายบางรายถูกธนาคารอายัดบัญชีแล้ว จึงเชื่อว่าเครือข่ายดังกล่าวอาจจะนำเอกสารไปทำอะไรบางอย่าง
ขณะที่ทางองค์การสหประชาชาติได้ออกมาปฏิเสธว่า บริษัทพันปีกรุ๊ปฯ ไม่เคยสมัครเข้าเป็นสมาชิกขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) และไม่ได้เป็นบริษัทภายใต้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างของFAO เนื่องจาก FAO จะดำเนินโครงการเพื่อการพัฒนาเหล่านั้นเมื่อได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลของประเทศผู้รับร่วมกับ FAO ซึ่งการดำเนินกิจกรรมในประเทศใดๆ จะต้องมีการหารืออย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานของรัฐบาลนั้นๆ นอกจากนี้ทางยูเอ็นยังระบุอีกว่าบริษัทพันปีกรุ๊ปฯได้ดำเนินกิจกรรมภายใต้การแอบอ้างชื่อขององค์การสหประชาชาติและหน่วยงานภายใต้องค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะที่บริษัทพันปีกรุ๊ปฯ ได้แอบอ้างชื่อของ FAO ซึ่งจริงๆ แล้ว FAO จะให้การสนับสนุนทางวิชาการมากกว่าการสนับสนุนทางการเงิน
ทั้งนี้นายพิชย์พิพรรธ ให้การยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่ให้การปฏิเสธในข้อกล่าวหา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินการต่อไป