“รองผบ.ตร.”แถลงจับเครือข่ายยาเสพติดยึดยาบ้า 14.8 ล้านเม็ด พร้อมของกลางมูลค่าเกือบ 1,500 ล้านบาท พบซีนสัญลักษณ์ศุลกากรห้ามเปิดตู้คอนเทรนเนอร์เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 22 สิงหาคม 2561 ที่ห้องประชุมพรหมนอก กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร.(ปป.1) พร้อมด้วยพล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษตร. / ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผบ.ตร./รองผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. และตำรวจบช.ปส. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายจิรภัทร วิสุทธิ์คงกมล อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 561/9 ม.1 ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ นายพลวัตร สายบุตร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 ม.3 ต.บ้านต้อน อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย และนายเสกสิทธิ์ สิงห์เชิดชูวงศ์ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 478 ม.5 ต.โพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จ.หนองคาย พร้อมของกลางยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ชนิดเม็ดกลมแบนสีส้ม และมีสีเขียวปะปนเล็กน้อยมีอักษร WY ประทับอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านหนึ่งเรียบ บรรจุอยู่ในซองพลาสติกสีฟ้าและสีแดงปะปนกัน รวมยาบ้า 7,400 เม็ด หรือจำนวน 14,800,000 เม็ด ภายในรถบรรทุกไม่ประจำทาง แบบลากจูง มีเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ยี่ห้อ วอลโว่ 1 คัน รถบรรทุกไม่ประจำทาง แบบกึ่งพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ จำนวน 1 คัน ซึ่งใช้เป็นยานพาหนะในการลำเลียงและซุกซ่อนยาเสพติดของกลาง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อวิโว่ และของกลางอื่นๆ อีก 8 รายการ รวมมูลค่า 1,482,310,000 บาท โดยจับกุมได้ที่ริมถนนสายเอเชียหลัก กม.2 ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 18 สิงหาคม ต่อเนื่องเวลา 17.00 น. ที่กก.2 บก.สกส.บช.ปส.(ส่วนหน้า) ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่แถบภาคเหนือ มีพฤติการณ์ร่วมกันลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จ.เชียงราย มาส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนายทุนยาเสพติดชาวลาว ซึ่งใช้วิธีการลำเลียงทางรถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยการซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าซึ่งเป็นพืชผลทางการเกษตรอยู่เป็นประจำ โดยนักค้ากลุ่มนี้ได้ ซื้อที่ดินและสร้างโกดังไว้ในพื้นที่ อ.เทิง จ.เชียงราย สำหรับใช้เป็นจุดเก็บพักยาเสพติดที่ได้เตรียมลำเลียงเข้ามายังพื้นที่ตอนในของประเทศเพื่อมาเก็บไว้ที่โกดังอีกแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และเตรียมกระจาย สู่ผู้ค้ารายใหญ่และผู้ค้ารายย่อย จึงดำเนินการสืบสวนติดตามพฤติการณ์ของกลุ่มดังกล่าวตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2561 เป็นต้นมา
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวด้วยว่า จนกระทั่งวันที่ 16 ส.ค. เวลา 08.00 น. ตำรวจชุดปฏิบัติการสังเกตเห็นรถบรรทุกขับเข้าไปยังโกดัง อ.เทิง จ.เชียงราย ก่อนจะขับรถบรรทุกออกมามุ่งหน้าไปทางถนนสายเอเชีย (32) ตำรวจจึงแบ่งกำลังขับรถยนต์ติดตามไปห่างๆ พบว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวขับไปจอดที่ริมถนนหน้าห้างโลตัส สาขาบางปะอิน ก่อนที่นายจิรภัทรจะลงจากรถบรรทุก แล้วนั่งโดยสารรถจยย.รับจ้างมุ่งหน้ากลับไปทางโกดังจุดเกิดเหตุ ส่วนนายพลวัตรและนายเสกสิทธิ์ได้ขึ้นไปขับรถบรรทุก แล้วมุ่งหน้าเดินทางขึ้นภาคเหนือ ชุดปฏิบัติการจึงได้แบ่งกำลังออกติดตาม ในเส้นทาง จ.นครสวรรค์ – จ.กำแพงเพชร – จ.ตาก กระทั่งเวลา 23.30 น. รถบรรทุกได้จอดพักที่บริเวณริมถนนพหลโยธิน ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก จ.ตาก
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ กล่าวว่า ต่อมาวันที่ 17 ส.ค. เวลา 06.30 น. นายพลวัตรได้ขับรถบรรทุกต่อโดยมีนายเสกสิทธิ์ นั่งโดยสารไปด้วยเช่นเดิม โดยใช้เส้นทาง จ.ตาก – จ.ลำปาง – จ.พะเยา และมุ่งหน้าไปยัง อ.เทิง จ.เชียงราย เพื่อไปยังโกดังไม่ทราบเลขที่ ต.สันทรายงาม อ.เทิง จ.เชียงราย จากนั้นเวลา 18.00 น. รถบรรทุกคันเดิมได้ขับออกมาจากโกดัง และใช้เส้นทาง อ.เทิง – อ.เมืองเชียงราย – อ.แม่ใจ – อ.เมืองพะเยา ใช้ถนนพหลโยธิน (ขาล่อง) เส้นทาง อ.เมืองพะเยา – อ.งาว – อ.ร้องกวาง – อ.เด่นชัย ต่อจนถึง จ.อุตรดิตถ์ - จ.พิษณุโลก – จ.พิจิตร – จ.นครสวรรค์ – จ.สิงห์บุรี แล้วมุ่งหน้า จ.พระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งรถบรรทุกคันดังกล่าวมาจอดที่บริเวณริมถนนสายเอเชีย (32) หลัก กม.ที่ 2 (ขาล่อง) อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา นายจิรภัทรได้เดินเข้ามาหาและเจรจากับนายพลวัตร และนายเสกสิทธิ์ จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอตรวจสอบและตรวจค้นรถบรรทุกคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นตัวและสัมภาระไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่พบของกลางยาเสพติดดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ภายในรถบรรทุก
ทางด้านพล.ต.ท.สมหมาย กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของยาเสพติดเปรียบเสมือนโรคหวัด หากคนในประเทศไม่แข็งแรง ยาเสพติดก็ยังมีอยู่ อย่างไรก็ตามยาเสพติดดังกล่าวเป็นของนายทุนจากลาว เครือข่ายม้ง เวียงแก่น จับครั้งละ 10 ล้านเม็ดขึ้นตลอด ครั้งนี้มีมูลค่า 4 พันล้านบาท ตนบอกตั้งแต่ปีที่ผ่านมาแล้วว่าเป็นอุตสาหกรรมยาเสพติด เพราะมีการขนยาบ้าครั้งละไม่ต่ำกว่า 10 ล้านเม็ด ส่วนเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ในพื้นที่จ.อุดรธานี มีการจับเครือข่ายยาเสพติดพร้อมยาบ้าอีก 5 ล้านเม็ดนั้น เป็นเพียงการกระจายตัวของยาเสพติด หลังจากตำรวจได้จับกุมยาบ้าล็อตใหญ่ 15 ล้านเม็ด แสดงให้เห็นว่าผู้ค้ากลุ่มนี้นิยมใช้รถบรรทุกในการขนยาเสพติด อย่างไรก็ตามตนมองว่าอำนาจการซื้อในประเทศไม่น่าจะซื้อยาเสพติดจำนวน 15 ล้านเม็ด จำนวนยาดังกล่าวหาหลุดออกไปยังแถบยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ เกาหลี จะมีมูลค่ามหาศาล ทั้งนี้ยาเสพติดล็อตใหญ่ๆ เชื่อว่าจะมีการลำเลียงออกสู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยเพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่สาม
พล.ต.ท.สมหมาย กล่าวอีกว่า สำหรับเส้นทางของยาเสพติดล็อตดังกล่าวมาจาก อ.เวียงแก่น จ.เชียงใหญ่ ซึ่งเป็นว้าเหนือ มาทางกลุ่มว้าใต้ ผ่านทางจ.เชียงรายตอนล่าง ก่อนจะวกกลับมาเข้าอ.เทิง จ.เชียงราย เพื่อออกไปยังจ.พะเยา และหลบด่านจากจ.แพร่ โดยใช้รถคอนเทรลเลอร์ ซีนโดยใช้ตะกั่วปั้มสัญลักษณของศุลกากร เพื่อห้ามเปิดบรรจุภัณฑ์ของตู้คอนเทรลเลอร์ แต่เนื่องจากตำรวจได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมมาโดยตลอดตั้งแต่เดือนก.ค. จึงเชื่อว่ารถคันดังกล่ามียาเสพติดซุกซ่อนอยู่แน่นอน ทั้งนี้โกดังที่ใช้พักยาเสพติดในอ.เทิง จ.เชียงราย และอ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา จากการตรวจสอบพบว่าผู้เช่าเป็นบุคคลเดียวกัน นอกจากนี้ยาสพติดที่เข้ามาส่วนใหญ่จะมาพักยาเสพติดในพื้นที่จ.พระนครศรีอยุธยา และจ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นรอยต่อของกรุงเทพมหานคร เนื่องจากในพื้นที่ดังกล่าวจะมีประชากรแฝงพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
พล.ต.ท.สมหมาย ยังกล่าวอีกด้วยว่า ทั้งนี้จากข้อมูลเครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ มีข้อมูลพิสูจน์ทราบว่าบังรอนยังมีชีวิตอยู่ เชื่อว่าอยู่ในประเทศลาว ซึ่งพบว่าภรรยาของบังรอนได้เดินทางไปเยี่ยมอยู่ ทั้งนี้บังรอนมีการผ่าตัดใบหน้าเหมือนกับนายไซซะนะ แก้วพิมพา
สำหรับสถิติผลการจับกุมคดียาเสพติดประจำปีงบประมาณ 2559-2561 มีผลจับกุม 2,724 คดี ของกลางยาบ้า 189,011,118 เม็ด ไอซ์ 10,108.76 กก. เฮโรอีน 866.17 กก. โคเคน 182.37 กก. กัญชาแห้ง 13,132.78 กก. รวมยอดตรวจยึด 1,313,267,163 บาท
เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ร่วมกันลักลอบลำเลียงยาเสพติดจริง โดยมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ภายในรถบรรทุกตลอด เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่งพงส.บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะขยายผลออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินบุคคลในเครือข่ายและบุคคลที่เกี่ยวข้องต่อไป