ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น

แต่หากพิจารณาในรอบสัปดาห์ถือว่าปรับตัวร่วงลง เหตุนักลงทุนในตลาดกังวลความขัดแย้งการค้ากระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส  ปิดตลาดวันศุกร์ (17 ส.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวขึ้น แต่ร่วงลงเมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์ โดยถูกกดดันจากความกังวลที่ว่าความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าจะกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งความต้องการใช้น้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 45 เซนต์  ปิดตลาดที่ 65.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 52 เซนต์ ปิดตลาดที่ 71.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

นักวิเคราะห์ระบุว่า การอ่อนค่าของสกุลเงินลีราของตุรกีจะกระทบต่อการขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันเบนซินและดีเซลในปีนี้ ประกอบกับ ข้อมูลเศรษฐกิจจีนบ่งชี้ถึงการลดลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเศรษฐกิจกำลังเผชิญความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ

ขณะเดียวกัน ตัวเลขบ่งชี้ถึงปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในตลาด โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าสต็อกจะลดลง

ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 6.8 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 2.5 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล

ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ถึง 3 เท่า

ขณะที่เบเกอร์ ฮิวจ์ ผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐที่มีการใช้งาน มีจำนวนคงที่ที่ระดับ 869 แท่นในสัปดาห์นี้ โดยในสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทขุดเจาะน้ำมันเพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน 10 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. จากการที่บริษัทน้ำมันมีแผนใช้จ่ายมากขึ้นในการสำรวจและผลิตน้ำมัน เนื่องจากคาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะดีดตัวสูงขึ้นในปีนี้มากกว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา