นักธุรกิจหลงใหล'อสังหาฯ' 'ภรณ์ทิพย์ อัคควิบูลย์'

นักธุรกิจหลงใหล'อสังหาฯ' 'ภรณ์ทิพย์ อัคควิบูลย์'

อยากเห็นพอร์ต 'อสังหาริมทรัพย์' เติบโต มีพื้นที่ให้เช่าเติมเข้ามาเรื่อยๆ หนึ่งตัวช่วยสำคัญคือ 'ตลาดหุ้น' สร้างรีเทิร์นสูงก่อนโยกเงินมาซื้อที่ดินปล่อยเช่า 'ทิป-ภรณ์ทิพย์ อัคควิบูลย์' หญิงเก่ง 'พูนทรัพย์ รังสิต'

'เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ & เครื่องสำอางที่ลงทุนในตลาดหุ้น'

'ทิป-ภรณ์ทิพย์ อัคควิบูลย์' เจ้าของพอร์ตลงทุน 'อสังหาริมทรัพย์-ตลาดหุ้น' นิยามรูปแบบการลงทุนของตัวเองกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' แม้มูลค่าพอร์ตจะมีศูนย์ไม่มาก แต่พอร์ตการลงทุนแบ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์ 98% ตลาดหุ้น 2% ทว่าอาชีพหลักที่ใช้ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวของ 'หญิงวัย 30 ปี' มาจากธุรกิจอสังหาฯ ภายใต้ชื่อ 'โครงการพูนทรัพย์ คอมเพล็กซ์' ภายใต้การบริหารงานของ บริษัท พูนทรัพย์ รังสิต จำกัด

ก่อนจะเข้าเมืองมาเป็นคนกรุงเป็นเจ้าของ 'ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์' เธอเป็นลูกสาวคนโตในจำนวนพี่น้อง 4 คน เป็นผู้หญิง 3 คน และผู้ชาย 1 คน ซึมซับอาชีพนักธุรกิจอสังหาฯ มาตั้งแต่วัยเยาว์ผ่านการดูโครงการอสังหาฯ และร้านค้าวัสดุก่อสร้างของผู้ให้กำเนิดที่ตั้งอยู่ในจังหวัดลพบุรี
ตอนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าชื่นชอบธุรกิจอสังหาฯ แต่เวลาว่างเสาร์หรืออาทิตย์ จะขับรถยนต์ตระเวนดูโครงการต่างๆ ของผู้ประกอบการอสังหาฯ เช่น โครงการของ บมจ.แลนด์แอนด์ เฮ้าส์ หรือ LH , โครงการของ บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI โครงการของ บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ANAN ไปศึกษาดูว่าแต่ละโครงการเขามีวิธีจัดพื้นที่โครงการแบบไหนบ้าง

หลังจากจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เลือกเรียนปริญญาตรีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะว่าต้องการช่วยแม่ประหยัดค่าใช้จ่าย เห็นจากเวลาที่คุณแม่ต้องจ้างคนมาเขียนแบบแต่ละครั้งต้องเสียเงินจำนวนมาก ก่อนพลิกชีวิตตัวเอง หันหน้าเข้าศึกษาศาสตร์ด้าน 'ฮวงจุ้ย' จึงทำให้มารู้จักกับคู่ชีวิตในปัจจุบันที่ตอนนั้นเป็น 'รุ่นพี่' ที่กำลังเรียนและมีปัญหาเรื่องที่ดินย่านรังสิตจำนวนกว่า 39 ไร่ ที่ไม่สร้างรายได้ที่งดงาม...!!

นี่คือการเริ่มต้นเดินเข้าสู่นักธุรกิจอสังหาฯ เธอบอกเช่นนั้น ได้ยินคำปรึกษาดังกล่าว ยอมรับว่าสนใจอยากลองนำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาให้งอกงาม และอีกหนึ่งเหตุผลคืออยากสร้างผลงานของตัวเอง และมี 'รายได้ประจำ' หรือ Recurring Income ที่สร้างสินทรัพย์ที่มั่นคงด้านรายได้ต่อเนื่องโดยจะเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวและเป็นค่าขนม ซึ่ง 'ผลตอบแทน' ที่จะได้คือ ส่วนแบ่งรายได้ 30% ของค่าเช่าทั้งหมด

'เรามองว่าเป็นโอกาสหากเราสามารถนำที่ดินดังกล่าวมาพัฒนาได้ ซึ่งจะทำให้เรามีรายได้และเป็นค่าขนม'

เธอ เล่าว่า หลังไปยืนดูที่ดิน 39 ไร่ กลับมาวางแผนว่าจะพัฒนาในรูปแบบเช่นไรดี ยอมรับช่วงแรกๆ คิดไม่ออกต้องกลับไปขอคำปรึกษาจากคุณแม่ ซึ่งคุณแม่แนะนำให้ปักป้ายให้เช่าที่ดิน โดยหลังจากนั้นมีผู้ประกอบการหลายรายติดต่อเข้ามาเช่าพื้นที่ เมื่อ 12 ปีก่อนตัดสินใจเลือกผู้เช่าพื้นที่เกี่ยวกับในอุตสาหกรรมรถยนต์ เพราะมองทิศทางตลาดรถยนต์มีโอกาสเติบโต

เริ่มต้นด้วยการให้ผู้ประกอบการทำธุรกิจร้านคาร์แคร์ก่อน และประสบความสำเร็จ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการชั้นนำของเมืองไทย อาทิ บริษัทขนส่ง แบรนด์รถยนต์ชั้นนำ Ford Mazda Nisson , สถานีบริการน้ำมันบางจาก , ศูนย์อบรมและสอนขับรถยนต์ เข้ามาเช่าพื้นที่ภายในโครงการอย่างต่อเนื่อง

'ช่วงนั้น ถือว่าเราโชคดีเศรษฐกิจกำลังบูม ประกอบกับถนนย่านรังสิตมีโชว์รูมรถยนต์แค่ ค่ายโตโยต้า และฮอนด้า เท่านั้น แต่แบรนด์อื่นยังไม่มี ซึ่งตอนนั้น มีค่ายรถยนต์แบรนด์อื่นๆ เข้ามาติดต่อเรามาก'

'หญิงเก่ง' บอกต่อว่า จากความสำเร็จพัฒนาพื้นที่ย่านรังสิตแล้ว ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนอสังหาฯ มีพื้นที่ปล่อยเช่าเพิ่มเติม ด้วยการซื้อตึกแถวย่านวัชรพล (รามอินทรา) ปล่อยเช่า 1 ห้อง ที่ดินว่างเปล่าย่านถนนรามอินทรา 1 แปลง ซื้อที่ดินว่างเปล่าถนนลาดพร้าว 1 แปลง และที่ดินย่านประชาชื่นอีก 1 แปลง

นอกจากนี้ ยังมีที่ดินจำนวน 240 ไร่ ในจังหวัดสระบุรี ซึ่งปัจจุบันปล่อยเช่าที่ดินดังกล่าวเพื่อนำมาพัฒนาด้วยการให้เกษตรเช่าปลูกไร่อ้อย ส่งโรงงานน้ำตาล โดยคิดค่าเช่าไม่แพงมาก รวมทั้งพัฒนารวมไปด้วย เช่น สร้างถนน เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้กำลังสนใจซื้อที่ดินเพิ่มเติม ซึ่งบริเวณที่มองๆ จะเป็นย่านเกษตรนวมินตร์และวัชรพล เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีความชอบส่วนตัว ประกอบกับกำลังมีโครงการรถไฟฟ้าขยายมา คาดว่าจะทำให้ที่ดินดังกล่าวมีการพัฒนาได้อีกสูง

ขณะที่ ในส่วนของการลงทุนพัฒนาที่ดินโครงการพูนทรัพย์ คอมเพล็กซ์ ตอนนี้อยู่ระหว่างการกำลังศึกษาขยายพื้นเพิ่มจากปัจจุบันมีคนมาติดต่อเช่าพื้นที่ เช่น มอเตอร์ไซค์ดูคาติ (Ducati) , มอเตอร์ไซค์ Triumph , โชว์รูมรถยนต์ค่าย MG ซึ่งตอนนี้เรากำลังตัดสินใจจะเลือกใคร เนื่องจากต้องการให้โรงเรียนสอบและสอนขับรถยนต์ลงทุนเสร็จก่อน

รวมทั้งกำลังสนใจลงทุนในธุรกิจตลาด เพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่ดูธรรมดาๆ แต่กำไรดีมาก และสามารถคิดค่าเช่าในราคาไม่แพงมาก ปัจจุบันเหลือที่ดินรอพัฒนาอยู่ประมาณ 10 กว่าไร่

เธอเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการลงทุนใน 'ตลาดหุ้น' ว่า สืบเนื่องจากการเรียนศาสตร์ด้านฮวงจุ้ย อาจารย์ได้สอนเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นด้วย ซึ่งส่วนตัวมองว่าการลงทุนในหุ้นถือเป็นการออมเงินที่ดีอย่างหนึ่ง หากเลือกลงทุนในหุ้นที่ดีและถูกตัว

ด้วยความที่อยากเข้าใจเรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นให้มากขึ้น ในปี 2555 ตัดสินใจนำเงินเก็บ 'หลักล้านบาท' มาเปิดพอร์ตลงทุนกับ บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด

หุ้นในธุรกิจขนส่งสาธารณะ ถือเป็นกลุ่มแรกที่ตัดสินใจลงทุน 'หุ้น บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ BTS' โดยไม่มีกลยุทธ์การลงทุนที่ชัดเจน แต่โชคดีเป็นหุ้นที่ได้กำไรมากหลังถือมาได้ระยะหนึ่ง ก่อนขายเพราะว่าต้องการเงินมาซื้อที่ดินแปลงแรกในกรุงเทพฯ 'ถือเป็นเงินตั้งต้นในการซื้อที่ดินในกรุงเทพฯ ของเราเลย'

แบ่งพอร์ตการลงทุนในตลาดหุ้นเป็น 3 อย่าง คือ ระสั้น ,กลาง และยาว สำหรับ 'พอร์ตระยะสั้น' ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นประเภท 'เก็งกำไร' คิดเป็น 10% ของพอร์ตหุ้น ลักษณะการลงทุนจะซื้อตามเพื่อนบอก และถือไม่นาน 'พอร์ตหุ้นระยะกลาง' คิดเป็น 30% และ 'พอร์ตระยะยาว' คิดเป็น 60%

ปัจจุบัน เธอบอกว่า ผลตอบแทนลงทุนในแต่ละปีอยู่ที่ 'ราว 20%' โดยมีหุ้นอยู่ในพอร์ตไม่เกิน 10 ตัว 'หุ้นโรงพยาบาล' สาเหตุที่ลงทุนหุ้นโรงพยาบาลเพราะว่าช่วงที่ตั้งท้องมีโอกาสไปใช้บริการโรงพยาบาลหลายแห่งและประทับใจ ซึ่งมองว่าธุรกิจโรงพยาบาลเป็นหุ้นพื้นฐานดี โอกาสธุรกิจเจ๊งคงอยากเพราะถือเป็นปัจจัยที่สำคัญของทุกคนแล้ว ใครป่วยก็ต้องเข้าไปรักษาโรงพยาบาล

'หุ้นระบบขนส่ง' ลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวมองว่าปัจจุบันคนเมืองต้องใช้บริการระบบขนส่งดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น และหากเส้นทางขยายมากขึ้นก็จะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารเข้าไปในระบบมากขึ้นอีก ซึ่งก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มตามไปด้วย

'หุ้นวัสดุก่อสร้าง' เลือกลงทุนหุ้นดังกล่าว เพราะว่าประเทศไทยอยู่ระหว่างการลงทุนโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก ยังไงก็ต้องใช้วัสดุก่อสร้าง ทั้ง ปูนซิเมนต์, เหล็ก เป็นต้น รวมทั้งบริษัทที่ลงทุนเคยเข้าไปปรึกงานช่วงที่ยังเรียนไม่จบ ซึ่งเห็นวิธีการบริการธุรกิจแบบมืออาชีพ มีระบบขั้นตอนการทำงานที่ดีและมีธรรมาภิบาลที่ดีมาก

และ 'หุ้นอสังหาริมทรัพย์' เลือกลงทุนเพราะว่าชอบธุรกิจอสังหาฯ อยู่แล้ว แต่หุ้นอสังหาฯ เลือกลงทุนไม่กี่บริษัทเท่านั้น เพราะหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ สร้างผลตอบแทนไม่สูงมาก

'พอร์ตการลงทุนจะไม่ค่อยหวือหวาจะเป็นลักษณะเป็นเรื่อยๆ กำไรพีคสุดก็ราว ๆ 30% เพราะว่ามีกำไรราว 10% ก็ขายแล้ว เพราะโยกเงินไปลงทุนในอสังหาฯ แทน' 

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้น จะเลือกหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเป็นหุ้นพื้นฐานที่มีความมั่นคง และอยู่ในธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตทุกปี

ท้ายสุด 'ภรณ์ทิพย์' การลงทุนของเราเกิดจากคำว่าชื่นชอบ ทั้งการทำธุรกิจและการลงทุน ดังนั้น เมื่อทำแล้วจึงรู้สึกว่าเราไม่ได้ถูกบังคับทำ

แตกไลน์สู่ 'ธุรกิจสกินแคร์'

'ภรณ์ทิพย์ อัคควิบูลย์' กรรมการบริหาร บริษัท พูนทรัพย์ รังสิต จำกัด บอกว่า หลังประสบความสำเร็จพื้นที่ให้เช่า บนทำเลทองขนาด 39 ไร่ แต่บริษัทไม่ได้หยุดนิ่งยังคงมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ โดยได้เริ่มเข้ามาศึกษา 'ธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์ความงาม' เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพสามารถเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง จึงได้ตัดสินใจแตกไลน์มาสู่ธุรกิจความงามดังกล่าว โดยการออกผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพผิวหน้าภายใต้แบรนด์ 'The Nectar Le Blanc'

โดยตั้งงบการลงทุนไว้ประมาณ 20 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนจำนวน 10 ล้านบาท สำหรับการวิจัย พัฒนา R&D , Lab Test , คิดค้นสูตร และศึกษาดูงานเรื่องสารสกัดที่ยุโรป และงบลงทุนอีก 10 ล้านบาท ใช้สำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์และการตลาด ซึ่งคาดว่าภายในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า จะถึงจุดคุ้มทุน

เธอ บอกว่า ในปีแรกเริ่มวางจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ก่อน และต่อไปจะวางจำหน่ายในช่องทาง 'โมเดิร์นเทรด' (Modern Trade) ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการพูดคุย ซึ่งในปีแรกบริษัทยังไม่ได้คาดหวังยอดขายว่าจะต้องเติบโตมากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นช่วงการเริ่มต้น ต้องใช้เวลาสักพักในการวางรากฐานธุรกิจให้แข็งแกร่งก่อน

'บริษัทมุ่งมั่นตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งการคิดค้น วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าที่ดีมีคุณภาพและในปีถัดไปหลังจากที่บริษัทได้ทำการประชาสัมพันธ์ ทำการตลาด และวางจำหน่ายสินค้าครบทุกช่องทาง'

อย่างไรก็ตาม ตั้งเป้ารายได้ 10-15 ล้านบาท ในปี 2562 ส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบันสามารถเดินหน้าและขับเคลื่อนด้วยตัวเองไปได้ดีแล้ว เราก็จะทำงานควบคู่กันไปกับธุรกิจใหม่ เพื่อให้เติบโตไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน