จบที่ 'ฝรั่งเศส' คว้าแชมป์ รวมเกร็ดบอลโลก 2018

น่าสนใจตลอด 64 แมตช์ มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เริ่มที่ “อินทรีเหล็ก” ร่วงแบ่งกลุ่มในรอบ 80 ปี ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเปิดฉากขึ้น อินทรีเหล็ก “เยอรมัน” ถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์โลกร่วมกับทีมชาติบราซิล แต่เพียงแค่ลงประเดิมสนามนัดแรกในรอบแบ่งกลุ่มลูกทีมของ โยอาคิม เลิฟ กลับแพ้พลิกล็อกให้เม็กซิโก 0-1 แม้จะกลับมาแก้ตัวได้ในเกมที่ 2 เมื่อจัดการเก็บสามแต้มด้วยการเฉือนชนะสวีเดน 2-1 จากประตูชัยในช่วงทดเจ็บของโทนี โครส

แต่เกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าเกาหลีใต้จะสามารถสร้างประวัติศาสตร์เป็นตัวแทนจากเอเชียทีมชาติแรกที่ทุบเอาชนะแชมป์โลกทีมล่าสุดไป 2-0 ซึ่งผลดังกล่าวนอกจากทำให้เยอรมันต้องตกรอบ ในฐานะแชมป์เก่าด้วยการจมบ๊วยของกลุ่มแล้ว นี่ยังเป็นผลงานที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 80 ปี ที่ทัพ “อินทรีเหล็ก” ไม่สามารถผ่านเข้ารอบน็อคเอาท์ได้สำเร็จ

โดยครั้งสุดท้ายที่ เยอรมัน ต้องตกรอบแบ่งกลุ่มเกิดขึ้นในเวิลด์ คัพ 1938 ที่ฝรั่งเศส โดยในตอนนั้นตกรอบ หลังจากเสมอสวิตเซอร์แลนด์ 1-1 และ กลับมาแพ้ในนัดรีเพลย์ 2-4

สถิติยิงเบิ้ลของ “เอ็มบัปเป” ดาวยิงจากเปแอสเช ทำสถิติเป็นนักเตะอายุไม่เกิน 19 ปี ที่สามารถยิง 2 ประตู คนแรกในนัดเดียวของศึกฟุตบอลโลก ต่อจาก เปเล่ ที่ทำได้ 3 ประตูในปี 1958

เอ็มบัปเป ยิง 2 ประตูในแมตช์ที่ “ตราไก่” ฝรั่งเศส เอาชนะ “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา 4-3 ในศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ทำให้หัวหอกดาวรุ่งสร้างสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุไม่เกิน 19 ปี คนแรกที่ยิงอย่างน้อยถึง 2 ประตู ในแมตช์เดียวของเวิลด์ คัพ ต่อจาก เปเล ตำนานดาวยิงทีมชาติบราซิล ที่เคยทำไว้ 3 ประตูในศึกฟุตบอลโลก 1958 ที่ บราซิล พบกับ เจ้าภาพ สวีเดน

แฮตทริกของฟุตบอลโลกหนนี้เกิดขึ้นในเกมที่ สเปน เสมอกับ โปรตุเกส 3-3 ในเกมนัดแรก รอบแบ่งกลุ่มของสาย บี โดยคนที่ทำได้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ได้แก่ คริสเตียโน โรนัลโด สตาร์เบอร์ 1 ของทัพฝอยทอง ที่สามลูกในเกมนั้นมาจากลูกจุดโทษ, การยิงแบบโอเพนเพลย์ และลูกฟรีคิก

นอกจากนี้ดาวเตะป้ายแดงของยูเวนตุส ยังทำสถิติใหม่อีกหลายอย่างด้วยกันทั้งการเป็นนักเตะอายุมากสุด 33 ปี 130 วัน ที่ทำแฮตทริกในบอลโลก และเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่ทำแฮตทริกใส่ทีมชาติสเปน ที่สำคัญ โรนัลโด้ เป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ทำประตู 8 รายการใหญ่ติดต่อกัน ไล่ตั้งแต่ ยูโร 2004 มาจนถึงบอลโลก 2018

อีกทั้งยังเป็นนักเตะคนที่ 4 ที่ทำประตูในฟุตบอลโลก 4 สมัยซ้อน ต่อจาก เปเล, อูเว ซีเลอร์ และ มิโรสลาฟ โคลเซ รวมทั้งยังเป็นแฮตทริกที่ 51 ในชีวิตค้าแข้ง ซึ่งบังเอิญเป็นแฮตทริกที่ 51 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกด้วย

ชัยชนะเกมที่ของในบอลโลกของอิหร่าน ซึ่งตกเป็นรองโมร็อคโกตลอดทั้งเกมกลับมาเป็นฝ่ายได้ประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กับการทำเข้าประตูตัวเองของ บูฮัดดูซ ที่ถูกเปลี่ยนลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังแต่ดันพลาดโขกบอลเข้าประตูตัวเอง จบเกม อิหร่าน จึงเอาชนะไปหวุดหวิด 1-0 แถมยังเป็นชัยชนะเกมที่สองของอิหร่านในฟุตบอลโลก หลังเคยทำได้ในเกมชนะสหรัฐ เมื่อปี 1998