ดิจิทัลวิชั่น ‘แสนสิริ’ ท้าทายสมรภูมิ ‘พร็อพเทค’

ดิจิทัลวิชั่น ‘แสนสิริ’  ท้าทายสมรภูมิ ‘พร็อพเทค’

การขยับตัวของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สู่เกม “พร็อพเทค”  เพื่อชิงความได้เปรียบการแข่งขัน

โลกยุคดิจิทัล การใช้เทคโนโลยีไอทีเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนธุรกิจกลายเป็นประเด็นพื้นฐานที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญ หนึ่งในความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจและต้องจับตามองคือ การขยับตัวของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ทุกวันนี้ต้องเร่งปรับตัวสู่เกม “พร็อพเทค” ควบคู่ไปกับการพัฒนา “สมาร์ทโฮม” เพื่อสร้างจุดต่าง ชิงความได้เปรียบการแข่งขัน

ในตลาดประเทศไทย “แสนสิริ” นับเป็นผู้เล่นที่ออกตัวได้แรงไม่แพ้ใคร จากทั้งการร่วมทุนในรูปแบบคอร์ปอเรท เวนเจอร์ แคปิตอล กับ ธนาคารไทยพาณิชย์ จัดตั้งบริษัท สิริเวนเจอร์ส จำกัด เพื่อใส่เกียร์เร่งบนถนนสายเทคโนโลยีเต็มรูปแบบ ภายใต้แผนระยะ 3 ปี ใช้งบประมาณกว่า 1.5 พันล้านบาท รวมถึงบริการใหม่ๆ ที่ทยอยเปิดตัวสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง

อุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองว่า สิ่งที่ผู้อยู่อาศัยมองหาไม่ใช้แค่ทำเลที่ตั้งอีกต่อไป แต่ยังมีเรื่องความสะดวกสบาย ขณะเดียวกันต้องการให้เทคโนโลยีเข้ามาเติมเต็มการใช้ชีวิต

ดังนั้นแนวทางการลงทุนของบริษัทจะสอดคล้องไปกับการพัฒนานวัตกรรม 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.พร็อพเทค(PropTech) เพื่อส่งเสริมด้านการซื้อขายแนวใหม่และการบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ 2.ลิฟวิ่งเทค(LivingTech) นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยใหม่ๆ ที่จะเข้าไปเติมเต็มประสบการณ์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน ทั้งด้านความสะดวกสบาย ความบันเทิง ความปลอดภัย สำคัญช่วยลดค่าใช้จ่าย

ดึงไอทีเสริมแกร่งซิเคียวริตี้

ที่ผ่านมา บริการที่บริษัทเริ่มลงมือทำไปแล้วมีทั้งการพัฒนาระบบโฮมออโตเมชั่น, สมาร์ทโฮมโซลูชั่น, การปรับใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง ปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) รวมถึงเทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่เข้ามาเพิ่มสีสัน ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านไปอีกขั้น

ขณะที่ 3.เฮลธ์ แอนด์ เวลล์เนส เทค(Health & Wellness Tech) ครอบคลุมเรื่องการพัฒนาคุณภาพการใช้ชีวิต สุขภาพ อาหาร(FoodTech) ที่จะช่วยให้การใช้ชีวิตในเมืองเป็นไปได้อย่างสมดุล สุดท้าย 4.คอนสตรัคชั่น เทค(Construction Tech) เสริมศักยภาพด้านการออกแบบ ก่อสร้าง ควบคุมคุณภาพ รวมไปถึงวัสดุในการก่อสร้างใหม่ๆ ทั้งมีการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างเออาร์ และการบริหารจัดการอาคารเข้ามาช่วยควบคุมให้ผลลัพธ์ออกมาดีขึ้น

ล่าสุด เสริมระบบรักษาความปลอดภัยด้วย “แสนสิริ ซิเคียวริตี้ ซิสเต็ม(Sansiri Security System)” ดูแลทั้งความปลอดภัยภายในโครงการ พื้นที่ส่วนกลาง รวมไปถึงบริเวณรอบบ้านของผู้อยู่อาศัยแต่ละรายควบคู่กันไป

“การทำธุรกิจด้านที่อยู่อาศัยจะมองเพียงตัวสินค้าและบริการไม่ได้ อีกหัวใจสำคัญต้องให้ความสำคัญถึงระบบรักษาความปลอดภัย และเรื่องนี้สิ่งที่จะช่วยทำให้เกิดความเป็นไปได้ที่ดีกว่าเดิม คือการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” 

อย่างไรก็ดี แนวทางการบริการจะมีการนำเทคโนโลยีระบบอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยเข้ามาช่วย พร้อมทั้งผสมผสานร่วมกับการทำงานของทีมงานที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดี กล่าวได้ว่าจุดเด่นของระบบดังกล่าว คือการรวมเอาเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ควบคู่กับทีมรักษาความปลอดภัยคุณภาพ ทำให้ผู้พักอาศัยรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจมากขึ้น

โจทย์ใหม่รับผู้บริโภคดิจิทัล

เขาอธิบายต่อว่า เทคโนโลยีที่นำมาใช้สำหรับการรักษาความปลอดภัยในโครงการนำร่อง เช่น ระบบเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการผู้มาติดต่อ(Visitor Management System ; VMS) โดยมีระบบการอ่านข้อมูลบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด พร้อมทั้งบันทึกรูปภาพบุคคลโดยไม่ต้องแลกบัตรประชาชนหรือทิ้งบัตรประชาชนไว้ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัว

นอกจากนี้ มีระบบอ่านป้ายทะเบียน(License Plate Recognition) และบันทึกข้อมูลเข้าระบบอัตโนมัติแทนการแลกบัตร เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ระบบยังรองรับการลงทะเบียนล่วงหน้าของผู้มาติดต่อ และคำนวณค่าที่จอดรถอัตโนมัติ ขณะนี้อยู่ในช่วงพัฒนาเพิ่มเติมสำหรับเปิดให้บริการลูกบ้านในเฟสต่อไป

ผู้บริหารแสนสิริเผยด้วยว่า ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคิวอาร์โค้ด(SMART ACCESS QR code) มาช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับแขกที่มาเยี่ยมผู้อยู่อาศัย โดยเจ้าของบ้านสามารถส่งคิวอาร์โค้ดให้ผู้มาเยี่ยมนำมาสแกนที่ประตูหน้าและมานั่งรอที่ลอบบี้รับแขกได้โดยไม่ต้องแลกบัตร ลดขั้นตอนการติดต่อที่ยุ่งยากออกไป

ทั้งยังมี ระบบรั้วอัจฉริยะต้นแบบ(Digital fence) ติดตั้งไว้รอบโครงการเพื่อเตือนภัยไปยังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทันทีเมื่อเกิดเหตุบุกรุก มีระบบการจัดเก็บใบหน้า(Face Recognition) ลายนิ้วมือ และข้อมูลของผู้รับเหมาที่เข้าออกโครงการต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการตรวจสอบหาผู้กระทำความผิด และเป็นข้อมูลที่จะช่วยในการติดตามหากเกิดเหตุฉุกเฉินได้ทันท่วงที

“สิ่งท้าทายสำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คือ ความสามารถในการก้าวนำตลาดและผู้บริโภค การมองหาเทคโนโลยี นวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้อยู่อาศัย”