คุมเข้มลานฮ.-รพ.ปิดหมด รองรับภารกิจพา13หมูป่าออกจากถ้ำ

คุมเข้มลานฮ.-รพ.ปิดหมด รองรับภารกิจพา13หมูป่าออกจากถ้ำ

เจ้าหน้าที่คุมเข้มลานเฮลิคอปเตอร์ -โรงพยาบาลปิดหมด รองรับภารกิจพา13หมูป่าออกจากถ้ำหลวง ไปยังโรงพยาบาล

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่8 กรกฎาคม 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการนำพาทีมหมูป่าอะคาเดมี่ จำนวน 13 ชีวิต ออกจากถ้ำหลวง วนอุทยานถ้ำหลวง-ดอยนางนอน ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ว่า ภายหลังจากศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ได้ประกาศเปิดปฏิบัติการขนย้ายทั้ง 13 คนออกจากโพรงภายในถ้ำตรงเนินนมสาว เพื่อนำออกมานอกถ้ำเป็นครั้งแรกไปแล้ว พบว่าบริเวณด้านนอกถ้ำมีการจัดระบบรองรับการขนย้ายอย่างเข้มงวด โดยมีการปิดกั้นเส้นทางจราจรบริเวณถนนสนามบิน เขตติดต่อกับฝูงบิน 416 (สนามบินเก่า) อ.เมืองเชียงราย ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากถ้ำไปประมาณ 60 กิโลเมตรตั้งแต่เวลา 15.00 น.และนำแผงกั้นสีเขียวไปกั้นบริเวณด้านหน้าอาคารอุบัติเหตุฉุกเฉิน 14 ชั้นที่ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ดูแลรักษาทั้ง 13 คนด้วย

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ภาคสนามได้ประกาศไม่ให้มีบุคคลใดอยู่ตรงทางเดินเท้าหรือฟุตบาททั้ง 2 ฝั่งของถนนโดยเฉพาะตรงศาลาขึ้นลงของผู้โดยสารประจำทางหน้าโรงเรียนสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์) ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงพยาบาล รวมทั้งภายในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 1 ได้มีการเข้มงวดอย่างหนักเนื่องจากเป็นจุดที่สื่อมวลชนจำนวนมากใช้จอดรถและเป็นจุดถ่ายภาพไปยังฝั่งโรงพยาบาล โดยเบื้องต้นทางโรงพยาบาลแจ้งว่าให้กลุ่มสื่อมวลชนได้ไปพักรอฟังการแถลงข่าวอยู่ที่โรงเรียนเทศบาล 5 เด่นห้าซึ่งตั้งอยู่บนถนนสันโค้งน้อยห่างจากโรงพยาบาลประมาณ 1-2 กิโลเมตรแทน

ด้านลานจอดเฮลิคอปเตอร์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งใช้ลานจอดชั่วคราวตรงปากทางเข้าหมู่บ้านผาหมีห่างจากถ้ำประมาณ 3-4 กิโลเมตร ติดถนนพหลโยธินพบว่าเจ้าหนาที่เข้มงวดบริเวณปากทางสามแยกอย่างหนัก โดยไม่อนุญาตให้มีการเข้าไปภายในบริเวณเหมือนเช่นเคยด้วย กระนั้นยังไม่ชัดเจนว่าเมื่อถึงเวลาในการนำทั้งหมดออกจากถ้ำแล้วจะใช้การเดินทางไปทางเฮลิคอปเตอร์แล้วมุ่งหน้าสู่ฝูงบิน 416 (สนามบิน) เก่าโดยมีรถพยาบาลไปรอรับเหมือนแผนที่ 1 ที่เคยซ้อมแผนกันเอาไว้ก่อนหน้านี้หรือจะใช้แผน 2 คือการนำเดินทางด้วรถพยาบาลไปยังโรงพยาบาลโดยตรงซึ่งเคยฝึกซ้อมแล้วใช้เวลาเดินทางประมาณ 48 นาทีมาแล้ว

ทั้งนี้ ในช่วงมีปฏิบัติการดังกล่าวพบว่าสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศจำนวนหลายร้อยคนได้กระจายกันไปปักหลักรายงานสถานการณ์ตามจุดต่างๆ ทั้งในเขต อ.แม่สาย และที่ อ.เมืองเชียงราย ด้านญาติและผู้ปกครองของเยาวชนทั้ง 13 คนพบว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ดูแลเพื่อให้พบกับบุตรหลานทำให้บุคคลภายนอกไม่สามารถติดต่อได้ในช่วงนี้ด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของศูนย์ระบุว่าการขนย้ายทั้ง 13 คนออกมาไม่ได้ขนย้ายครั้งละ 4-5 คนตามที่เป็นข่าว แต่เป็นการลำเลียงออกมาอย่างต่อเนื่องซึ่งสอดคล้องกับการเสริมกำลังนักประดาน้ำจากประเทศอังกฤษเข้าไปสนับสนุนภารกิจขนย้ายนี้อีก 9 คนดังกล่าวด้วย