“เฮลท์ตี้ บัดดี้” ธุรกิจต่อยอดข้าวน้ำนม

“เฮลท์ตี้ บัดดี้” ธุรกิจต่อยอดข้าวน้ำนม

จากโรงงานลูกกวาดที่ยอดขายเตี้ยลง ธุรกิจต้องฆ่าตัวเองด้วยการรุกปรับตัวรับเทรนด์สุขภาพ ด้วยการผุดสแน็คคุณค่าจากน้ำนมข้าว ก่อนแตกไลน์สู่หลากหลายสินค้านวัตกรรม อีกหนึ่งทางรอดเอสเอ็มอียุค4.0

วิกฤติจากโรงงานลูกกวาด นับวันตลาดจะลดลง เพราะผู้บริโภคเริ่มมองว่าเป็นสินค้าไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ จุดเปลี่ยนที่พ่อผู้ก่อตั้งบริษัท มองหาธุรกิจปรับตัวผลิตสินค้าที่ใส่ใจสุขภาพ ก่อนตลาดจะทิ้งผลิตภัณฑ์ ธุรกิจเขาต้องชิงทิ้งผลิตภัณฑ์เก่า หันไปหาช่องว่างในตลาดที่ไม่มีใครเคยทำของขบเคี้ยวจากเมล็ดทานตะวัน ภายใต้แบรนด์ ซัน สแน็ค (Sun Snack) ประสบความสำเร็จจนได้รับการคัดเลือกเป็นอาหารว่างเสริฟบนเครื่องบินการบินไทย ขยายตลาดไปไกลถึงไต้หวัน  กระทั่งมีบริษัทรายใหญ่มาขอซื้อแบรนด์ไปทำตลาดต่อ

กระนั้นบริษัทยังไม่หยุดพัฒนาสินค้า ในปี 2549 ยังค้นพบวัตถุดิบตัวใหม่ คือของขบเคี้ยวจากข้าวน้ำนม ฐิติรัตน์ ทรงวิรัตน์ กรรมการบริษัท ริชชี่ คอนเฟ็คชั่นเนอรี่ (Richie Confectionery) หรือ การ์ตูน ลูกสาวทายาทรุ่นที่ 2 เล่าถึงที่มาของการผลิตของขบเคี้ยวจากน้ำนมข้าว ที่มีคุณสมบัติคุณค่าทางโภชนาการสูง เพราะสารกาบาในจมูกข้าวช่วยทำให้คนผ่อนคลาย ช่วยให้หลับง่าย อารมณ์ดี และยังมีไฟเบอร์ช่วยลดอาการท้องผูก นี่คือสารพัดประโยชน์ที่ทำให้หยิบวัตถุดิบจากข้าวมาพัฒนาต่อยอดเป็นนวัตกรรมได้หลากหลาย

“สารกาบาช่วยทำให้สงบ ช่วยทำให้ความจำ หลับลึกช่วยทำให้สร้างฮอร์โมน วัยเด็กเมื่อฮอร์โมนเจริญเติบโต ส่งผลต่อความสูงของเด็ก จึงทำให้พัฒนาคุณประโยชน์จากข้าวได้ต่อเนื่อง”

ช่วงเริ่มต้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ ยุคนั้นถือเป็นสิ่งที่ใหม่มาก ไม่มีใครนำข้าวน้ำนมที่เริ่มตั้งท้องได้ 90 วัน มาทำเป็นของทานเล่น จะมีก็เป็นรูปแบบของโบราณ  เช่น ข้าวเม่า หรือข้าวแต๋น ที่เก็บรักษาไว้ได้ไม่นาน แต่เด็กรุ่นใหม่ไม่นิยมจากรสชาติที่ไม่คุ้นเคย 

จึงเป็นที่มาของการพัฒนาน้ำข้าวน้ำนม มาทำเป็นข้าวพองอบกรอบผสมธัญพืช เป็นของทานเล่นแบรนด์ เฮลท์ตี้ บัดดี้” (Healthy Buddy) เริ่มต้นมี 2 รสชาติ คือ รสเจ ผสมสาหร่าย และรสปลา ผสมปลากรอบ และธัญพืชชนิดอื่น จนได้รับรางวัลนวัตกรรมข้าวไทย จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ปี 2550

ขนมขบเคี้ยวที่รสชาติดี มีจุดแข็งที่ไม่ใช้น้ำมันการผลิต และปรุงรสโดยธรรมชาติเป็นหลัก ตอบโจทยคนรักสุขภาพ จนแพร่ขยายไปทางการจำหน่ายสินค้าผ่านร้านซุปเปอร์มาร์เก็ต เช่น เลมอนฟาร์ม โกลเด้น เพลส จนขยายไปสู่ร้านสะดวกซื้อทั่วไป แฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น

ตลอดช่วง 10 ปี ที่ผ่านมาแบรนด์ ยังได้พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์จากข้าวน้ำนม มีทั้งซีเรียล และโจ๊ก ข้าวน้ำนมผสมธัญพืชที่มีทั้งผสมธัญพืชและข้าวโอ๊ต สำหรับทานในตอนเช้า พร้อมกันกับพัฒนาบรรจุภัณฑ์ทั้งพร้อมรับประทาน และฉีกซอง สินค้าให้เหมาะกับวิถีชีวิตของคนที่รีบเร่งโดยพัฒนาเป็นรูปแก้วสำหรับเติมน้ำชง ทานได้ทันที

ส่วนของขบเคี้ยวทานเล่นก็มีการพัฒนานวัตกรรมจากข้าวเป็นข้าวน้ำนมผสมธัญพืชอบกรอบ หรือ แฮปปี้บัดดี้ (Happy Buddy) แบรนด์น้องใหม่สำหรับเป็นทานเล่นในรูปแบบหนึ่ง หรือข้าวเพาะงอก ถั่วทอง ผสมถั่วชนิดต่างๆ พัฒนาเป็นขนมไข่กุ้ง อบกรอบภายใต้แบรนด์ มันส์ชัวร์ (Munsure) 

ล่าสุด พัฒนาเป็นซีเรียลแท่งอบกรอบ ที่ให้พลังงานและโปรตีนในรสช็อกโกแลต เจาะกลุ่มคนออกกำลังกาย ที่ต้องการดูแลสุขภาพต้องการสารอาหารจากธัญพืช ไปพร้อมกันกับพลังงาน

การ์ตูนเล่าว่า หลังจากที่อยู่ในตลาดของสุขภาพมายาวนาน และเป็นผู้เล่นในตลาดรายแรก คนจงจดจำและแบรนด์เป็นที่รับรู้ในกลุ่มคนรักสุขภาพอยู่แล้ว จึงต้องมีการรักษาตลาดไปพร้อมกันกับขยายตลาดใหม่ ดังนั้น ทุกปีจะคิดค้นและเปิดตัวสินค้าใหม่เกิด ที่มาจากผลิตภัณฑ์ข้าวและธัญพืช วัตถุดิบเริ่มต้นที่เป็นจุดแข็งของกลุ่มธุรกิจ

แม้จะมีคู่แข่งในตลาดทั้งรายเล็ก รายใหญ่กระโดดเข้ามาในตลาดของสแน็คคนรักสุขภาพมากขึ้น แต่เราก็อยู่มาได้ และยอดขายสินค้าหลักไม่เคยตก ขยายช่องทางใหม่ๆ เพิ่มขึ้นทุกปี เพื่อรักษาตลาด และเพิ่มเซ็คเมนท์ลูกค้า รวมไปถึงการรักษาคุณภาพรสชาติ และข้าวพองที่เป็นที่รู้จักในตลาดเพียงรายเดียวที่ได้รับการยอมรับจึงต้องรักษาแบรนด์ต่อไป

สำหรับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มุ่งเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีวิธีดูแลสุขภาพ มีไลฟ์สไตล์ชอบออกกำลังกาย สินค้าใหม่ที่ออกมาถือว่าตอบโจทย์วิถีชีวิตคนในยุคปัจจุบันที่เร่งรีบ แต่ก็ต้องการดูแลตัวเอง ต้องการทานอาหารมีประโยชน์ สารอาการครบและยังทานง่าย ไม่ซับซ้อน นวัตกรรมที่คิดค้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ในทุกปีจึงมาจากจากความสะดวกของผู้บริโภค โดยที่ยังคงรักษาคุณค่าของธุรกิจ และจุดแข็งนั่นคือคุณค่าของสารอาหารจากข้าว และธัญพืชไปพร้อมกันกับรสชาติที่ดี

“ทุกชิ้นก่อนออกมาทำตลาดต้องมีการทดลองเทสรสชาติสินค้าทุกครั้ง เพื่อให้มั่นใจในรสชาติ โดยมีการพัฒนานวัตกรรมรูปแบบสินค้าให้ทานสะดวก”

ปัจจุบันยังเน้นทำตลาดในประเทศเป็นหลักโดยยอดขายสัดส่วน 90% ยังอยู่ภายในประเทศ โดยอีก 10% ลูกค้าจากต่างประเทศ ส่วนใหญ่มาจากการเข้าร่วมงานแสดงสินค้ากับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกรมการค้าต่างประเทศ ที่ชวนให้เป็นต้นแบบของการพัฒนานวัตกรรม ภายใต้โครงการสถาบันสินค้าเกษตรนวัตกรรมของกรมการค้าต่างประเทศ ซึ่งดึงผู้ประกอบการที่มีนวัตกรรมให้หาตลาดและคู่ค้าในต่างประเทศ และจับคู่ธุรกิจ จึงทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ทางการตลาดในต่างประเทศ "

ทายาทรุ่นที่ 2 ของธุรกิจภายใต้แบรนด์ เฮลท์ตี้ บัดดี้ ยังมองว่า ความสำเร็จของธุรกิจเริ่มต้นจากความขยัน อดทน และเชื่อมั่นในสินค้าที่เป็นนวัตกรรมจากข้าวนั้นจะเป็นการพัฒนาและส่งต่อประโยชน์และคุณค่าของผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้าและผู้บริโภค ที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ไม่รู้จบ หากรักษาจุดแข็งนี้ต่อไปจึงเป็นสิ่งที่ทำให้สร้างโอกาส และสร้างแบรนด์ รวมไปถึงขยายตลาดได้ไม่รู้จบ

----------------------

สูตรต่อยอดข้าวน้ำนม

-จับกลุ่มคนรักสุขภาพ

-เจ้าของนวัตกรรมต่อยอดได้ตลอด

-ไม่หยุดคิดค้นสินค้าใหม่ทุกปี

-ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐหาตลาด