'ดีวานา'ก้าวสู่ปีที่17 เล็งขึ้นเบอร์1เอเชีย วางเป้าปีนี้ทะลุ500ล้าน

'ดีวานา'ก้าวสู่ปีที่17 เล็งขึ้นเบอร์1เอเชีย วางเป้าปีนี้ทะลุ500ล้าน

จับมือแบรนด์ดังดันแคมเปญสินค้าซิกเนเจอร์ วางเป้าปีนี้ทะลุ 500 ล้านบาท "ดีวานา" ก้าวสู่ปีที่ 17 เล็งขึ้นเบอร์หนึ่งเอเชีย ธุรกิจสปาและเครื่องหอม

วันนี้ (12 มิถุนายน 2561) ; ลานบีคอน 3 ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บริษัท ดี วี เอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำด้านสุขภาพความงามและผลิตภัณฑ์เครื่องหอมอันดับหนึ่งในตลาดระดับสากลภายใต้แบรนด์ “ดีวานา” (divana) จัดแคมเปญตอกย้ำความสำเร็จ ฉลองการก้าวสู่ปีที่ 17 เพื่อขอบคุณลูกค้า โดยคัด 4 กลิ่นหอมซิกเนเจอร์ ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล มาจับคู่เปิดตัวพร้อมกับแบรนด์แฟชั่นไทยชื่อดัง “โพเอม” (POEM) โดยทางโพเอมออกแบบเสื้อผ้าคอลเลกชั่นพิเศษ พรี-ฟอลล์ สำหรับแฟชั่นโชว์ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากกลิ่นหอม 4 กลิ่นซิกเนเจอร์ของ ดีวานา พร้อมกับออกแบบผ้าพันคอสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ที่ผลิตขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ มีเพียง 500 ผืนในโลก (มูลค่าผืนละ 12,500 บาท) แถมฟรีให้ลูกค้า โดยวางเป้ายอดขายปีนี้ทะลุ 500 ล้านบาท พร้อมชูกลยุทธ์ CICE เล็งขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งเอเชียภายในปี ค.ศ.2020

3_6

นายพัฒนพงศ์ รานุรักษ์ ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหาร บริษัท ดี วี เอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “ตลาดรวมในธุรกิจ สปาของไทยมีมูลค่ามหาศาล และเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยในส่วนของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 150% มียอดขายประมาณ 120 ล้านบาท  โดยตัวเลขรวมภายในสิ้นปีนี้น่าจะทะลุ 500 ล้านบาท ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา  ดีวานา ได้รับการตอบรับจากลูกค้าจากทั่วโลก เข้ารับบริการรวมแล้วกว่า 1.3 ล้านคน ต่างให้การยอมรับในความเป็นสปาพรีเมี่ยมอันดับหนึ่งของไทย แบ่งเป็นลูกค้าในเอเชีย 75% อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง จีน และไต้หวัน ที่เหลือเป็นลูกค้าชาวยุโรป ประมาณ 25% และไทย 5% เพื่อรองรับการขยายตัวของกลุ่มลูกค้า ปีนี้มีแผนการเปิดสาขาใหม่ที่ซอยสมคิด ชิดลม และเตรียมขยายสู่หัวเมืองท่องเที่ยวอีกอย่างน้อย 4 สาขาในปีหน้า”

2_7

“สำหรับการฉลองการก้าวขึ้นสู่ปีที่ 17 ดีวานา ได้จับมือกับแบรนด์แฟชั่นหรูชื่อดังของไทย POEM จัดงาน Divana : ENCHANTÉ PAR LE POEM (ดีวานา : ออง ชอง เต้ ปาร์ เลอ  โพเอม : บทกวีและดีวานา) นำสินค้าซิกเนเจอร์ 4 กลิ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล ได้แก่ Raya Vedic Rose, Mango Mantra, White Orchid Holistic และ Queen of the Night มาพร้อมกับศาสตร์แห่งกลิ่นบำบัดและหินสีนำโชคที่แตกต่างกัน ได้แก่ หินโรสควอตซ์, หินไทเกอร์-อายส์, หินไข่มุกและหินอเมทิสต์ รวมทั้งมีทองคำเปลวบริสุทธิ์ 99.99% ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ชื่นชอบศาสตร์แห่งการเสริมพลังชีวิต มาจัดแคมเปญสุดพิเศษ ซื้อสินค้าในชุดซิกเนเจอร์ครบ 13,000 บาท รับฟรีทันที ผ้าพันคอ POEM สุดหรูเอ็กซ์คลูซีฟ มูลค่า 12,500 บาท  โดยผ้าพันคอนี้เป็นคอลเลกชั่นพิเศษ ลิมิเต็ด เอดิชั่นที่ POEM บรรจงสร้างสรรค์ออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ มีเพียง 500 ผืนในโลก ไม่มีวางจำหน่าย เป็นผ้าพันคอที่สวยหรูทรงคุณค่าควรค่าสำหรับการสะสม เป็นการแสดงความขอบคุณลูกค้าที่เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันให้ ดีวานา เติบโตต่อเนื่องตลอด 16 ปีที่ผ่านมา” นายพัฒนพงศ์ สรุป

4_4

สำหรับเป้าหมายใหญ่ในการก้าวขึ้นสู่เบอร์ 1 ของเอเชีย ดีวานา มุ่งตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย โดยเน้นหนักในเรื่องความครบวงจรของผลิตภัณฑ์ และบริการที่เหนือกว่าคู่แข่ง รวมถึงดีวานาสปา และผลิตภัณฑ์สปาที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น โดยจะขยายตลาดออกไปถึงกลุ่มคนเทรนดี้รุ่นใหม่ เพิ่มความหลากหลายจากธุรกิจ Wellness ให้กลายเป็นสินค้า Lifestyle ที่ลูกค้าทั่วไปสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

โดย นายธเนศ จิระเสวกดิลก ผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้บริหาร บริษัท ดี วี เอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวเสริมว่า “เพื่อก้าวสู่การเป็นเบอร์หนึ่งของเอเชียภายในปี ค.ศ. 2020 รวมถึงการเป็นผู้นำทางด้านสุขภาพแบบองค์รวมทั้งหมด บริษัทฯ มีแผนการที่จะรุกตลาดทั้งภายใน และต่างประเทศให้มากขึ้น โดยวางกลยุทธ์ CICE เป็นแกนหลักในการเดินหน้าสู่ความเป็นผู้นำอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย

1. Collaboration คือการผนึกกำลังทางธุรกิจจับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ และองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่มีกลุ่มเป้าหมายทั้งใกล้เคียงกัน หรือส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ ซึ่งโจทย์สำคัญของดีวานา คือ การเข้าถึงทุกๆ กิจกรรม และไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค แฟชั่นก็เป็นหนึ่งในไลฟ์สไตล์ที่จะเติมเต็มความสุขในยุค 4.0 จึงเป็นที่มาของความร่วมมือครั้งสำคัญกับแบรนด์แฟชั่นสุดหรูชั้นนำของเมืองไทยอย่าง โพเอม (POEM) ซึ่งถือเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ หรือสรรค์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ออกสู่ตลาด

5_4

2. Innovation คือการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เข้ามาช่วยสร้างสรรค์ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพสูง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของฐานลูกค้าที่จะเจาะเข้าไปในวงกว้างมากขึ้น โดยเน้นที่วัตถุดิบออร์แกนิคชั้นดี จากแหล่งผลิตภายในประเทศที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล  ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นด้านกลิ่นบำบัด และสร้างประสบการณ์การรับรู้ (Sensory Experiences) ผ่าน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส จิตวิญญาณ และจินตนาการ รวมถึงเพิ่มไลน์สินค้ากิ๊ฟต์เซตขนาดเล็กที่ชาวต่างชาตินิยมซื้อกลับเป็นของฝากเพื่อเอาใจตลาดเอเชียโดยเฉพาะ

3. CSV เป็นการสร้างความยั่งยืนในการช่วยพัฒนาชุมชน แหล่งวัตถุดิบให้มีความรู้ที่ถูกต้องในการปลูก การเตรียมวัตถุดิบตามมาตรฐานสากล ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดองค์ความรู้ไปสู่ชาวบ้านในการผลิตวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้ นับเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันคนรุ่นใหม่ให้กลับบ้านไปทำงานในท้องถิ่นบ้านเกิด และได้ร่วมพัฒนาสังคมที่ยั่งยืน พร้อมกับส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้ด้วย

4. Experience Penetration Through Superior Service คือนำจุดแข็งด้านการบริการของดีวานา มาต่อยอดพัฒนาในรูปแบบที่ทันสมัย โดยจับเอาหัวใจหลักของแบรนด์ทั้ง 3 ช่องทาง ได้แก่ สปา, ผลิตภัณฑ์เครื่องหอม และล่าสุดกับร้าน ดีวานา  ซิกเนเจอร์ คาเฟ่ มาเป็นจุดที่สร้างประสบการณ์เหนือระดับให้กับลูกค้า โดยจะเป็นการให้บริการในรูปแบบวัน สต็อป เซอร์วิส (One Stop Service) มาที่เดียวได้รับบริการครบเต็มรูปแบบ นับเป็นรายแรกในธุรกิจนี้ที่ทำได้สำเร็จ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบในเมืองที่วุ่นวาย กลุ่มคนเมืองที่มีเวลาจำกัด การตกแต่งร้านใช้การผสมผสานอย่างกลมกลืนลงตัว ของผลิตภัณฑ์สปาจัดวางให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับรูปแบบของร้าน ยิ่งไปกว่านั้นยังเตรียมเปิดให้บริการนวดแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ภายในร้านอีกด้วย

7_4

โดยในอนาคต บริษัทฯ มีแผนขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศ โดยในเร็วๆ นี้จะเริ่มรุกไปที่ตลาดยุโรป ด้วยการเปิดตัว ดีวานา สาขาลอนดอน ประเทศอังกฤษ ต่อเนื่องมาจากความสำเร็จก่อนหน้านี้ ที่บริษัทฯ ได้นำผลิตภัณฑ์สปาไปทำการตลาดร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในฐานะสินค้าซิกเนเจอร์ของเมืองไทย ซึ่งได้ผลการตอบรับที่ดีมากจากลูกค้าทั่วโลก” นายธเนศ สรุป