สั่งรื้อถอนรีสอร์ท คืนพื้นที่อุทยานผาแต้ม

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน นายนครินทร์ สุทัตโต หัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแต้ม เปิดเผยว่า จากกรณีอุทยานแห่งชาติผาแต้มได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีกับบ้านพักตากอากาศ (รีสอร์ท) บ้านไม้หอมสร้างรุกที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม อ.โขงเจียมจ.อุบลราชธานี ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามตามคำสั่ง คสช.ฉบับที่ 64 เกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อม

ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีคำพิพากษาว่าบริเวณที่ดินของบ้านพักตากอากาศ(รีสอร์ท)บ้านไม้หอม เป็นของรัฐ โดยศาลได้ดูที่เจตนาที่ผู้ซื้อที่ดินไม่มีเจตนาเพราะเป็นการซื้อต่อก็เลยยกฟ้องในคดีอาญาภาย หลังจากศาลมีคำพิพากษา อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ได้มีคำสั่งให้เจ้าของบ้านพักตากอากาศ(รีสอร์ท)บ้านไม้หอมพร้อมลูกจ้าง และบริวารออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติ พร้อมทั้งทำลายรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิม ออกไปให้พ้นอุทยานแห่งชาติผาแต้มให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 ที่ผ่านมา

ต่อมาเจ้าของบ้านพักตากอากาศ(รีสอร์ท)บ้านไม้หอม ได้มีหนังสือลงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวกับสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่9 (อุบลราชธานี) และได้มีคำสั่งวินิจฉัยยกอุทธรณ์ ทำให้เจ้าของบ้านพักตากอากาศ นำคดีไปฟ้องต่อศาลปกครองจังหวัดอุบลราชธานี ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติผาแต้มและมีคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2561

นายนครินทร์ กล่าวว่า ต่อมาศาลปกครองจังหวัดอุบลราชธานีได้มีหนังสือแจ้งคำสั่งศาลลงวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ.2561 ยกคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของ ผู้ฟ้องคดีจากนั้นอุทยานแห่งชาติผาแต้มจึงได้ทำหนังสือแจ้งเตือน และให้เจ้าของบ้านพักตากอากาศ ดำเนินการทำลายหรือรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิมออกไปให้พ้นอุทยานแห่งชาติผาแต้มให้เสร็จสิ้นสภาพในวันที่15 กรกฎาคม พ.ศ.2561 ตามคำพิพากษาของศาล

หากพ้นจากนี้ หรือยังเพิกเฉยต่อคำสั่ง เจ้าหน้าที่จะเข้าไปดำเนินการทำลายรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพเดิมออกไปให้พ้นจากอุทยานแห่งชาติผาแต้ม พร้อมเรียกค่าใช้จ่ายตามจริง“ อนึ่งขอเรียนว่าการกระทำซึ่งเป็นการต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งดังกล่าวพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจใช้กำลังในการปฏิบัติหน้าที่และผู้กระทำการต่อสู้ขัดขวางจะต้องถูกดำเนินคดีอาญาอีกทางหนึ่งด้วย