กกต.ย้ำ5ยุทธศาสตร์ หวัง1หมู่บ้านใน1อำเภอปลอดซื้อเสียง

กกต.ย้ำ5ยุทธศาสตร์ หวัง1หมู่บ้านใน1อำเภอปลอดซื้อเสียง

ประธาน กกต. คาดเลือกตั้งมี1หมู่บ้านต่อ1อำเภอปลอดซื้อเสียงเลือกตั้ง พร้อมมั่นใจงานกกต.มีประสิทธิภาพ คาดคนออกมาเลือกตั้งไม่น้อย 80%

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดงานสัมมนา เนื่องในวันครบรอบ 20 ปี วันสถาปนาสำนักงาน กกต. โดยนายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวตอนหนึ่งในช่วงสัมมนา เรื่อง ทศวรรษใหม่ กกต. กลไกใหม่กับการปราบโกง โดยยอมรับถึงความคาดหวังของสังคม ​ต่อการทำหน้าที่ของกกต.​ในการจัดการเลือกตั้งที่สุจริต​ เที่ยงธรรมและการเลือกตั้งที่มีคุณภาพ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นกลไกกลั่นกรองบุคคลที่มีคุณภาพ คนดีเข้าสู่การเมือง

ทั้งนี้ กกต. จัด 5 ยุทธศาสตร์เพื่อพัฒนาแนวทางการทำงาน ประกอบด้วย 1.ยุทธศาสตร์จัดเลือกตั้งที่คุ้มค่า สะดวกกับประชาชน โดยได้นำนวัตกรรม เทคโนโลยีสมัยใหม่ รวมถึงแอพลิเคชั่นที่อำนวยความสะดวกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง, การให้ประชาชนมีส่วนร่วมต่อการแจ้งเหตุผิดปกติกับการเลือกตั้ง,​รายงานผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งในการเลือกตั้งที่จะมาถึง กกต.​ได้อนุมัติงบประมาณเพื่อให้พัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวนอกจากการรายงานและแจ้งผล ยังมีส่วนการกำกับและติดตาม, การสมัครเลือกตั้งผ่านออนไลน์ และ การแจ้งย้ายเขตเลือกตั้ง ทั้งนี้ กกต.จังหวัดได้นำเครื่องออกเสียง แทนวิธีการใช้บัตรทำความเข้าใจกับท้องถิ่น เป็นต้น

นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า 2.ยุทธศาสตร์​จัดเลือกตั้งให้เป็นที่ยอมรับ พัฒนาระบบไต่สวน สืบสวน วินิจฉัย โดยเน้นพัฒนาด้านบุคลากรที่เกี่ยวข้อง อาทิ อบรมเครือข่ายเลือกตั้ง ประจำตำบลๆ ละ 1 คนรวม 7,245 คนและ เครือข่ายอื่นๆ กว่า 7หมื่นคนทั่วประเทศ เพื่อเป็นกลไกของการสืบสวน และไต่สวนงานเลือกตั้ง ของกกต. , 3.ยุทธศาสตร์จัดเลือกตั้งที่ประชาชนมีส่วนร่วม แม้ที่ผ่านมายังไม่มีการเลือกตั้ง แต่ กกต. ได้จัดอบรมให้ความรู้กับประชาชน อาทิ การเลือกตั้ง, หลักการประชาธิปไตย , การเลือกตั้งที่มีคุณภาพ ผ่านศูนย์ส่งเสริมพัฒนาประชาธิปไตย​ระดับตำบล กว่า 7,000 แห่ง ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าในการเลือกตั้งรอบหน้าจะมีอย่างน้อย 1 หมู่บ้านใน 1 อำเภอ ที่จะปลอดการซื้อสิทธิขายเสียง และจะเป็นหมู่บ้านต้นแบบเพื่อรณรงค์เลือกตั้งไม่ซื้อเสียง​ นอจากนั้นกกต.ยังสร้างเครือข่ายผ่านประชาชนและนักศึกษากว่าสถาบันศึกษา 174 แห่งทั่วประเทศ โดยตนมั่นใจว่าเครือข่ายดังกล่าวจะเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้การรณรงค์เลือกตั้งปลอดการทุจริตได้จริง

ประธาน กกต.​กล่าวด้วยว่า 4.ยุทธศาสตร์ส่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้พรรคการเมือง และ 5.การพัฒนาองค์กรสู่ความเป็นมืออาชีพ ทั้งนี้จากยุทธศาสตร์ ดังกล่าวตนมั่นใจว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึง จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80 , มีจำนวนบัตรเสียงไม่เกินร้อยละ 2 มีประชาชนนเข้าเป็นส่วนร่วมกรรมการประจำหน่วย, ประชาชนร่วมเป็นเครือข่ายรณรงค์ไม่ซื้อสิทธิขายเสียงช่วงเลือกตั้ง และภาคเอกชนร่วมตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งทุกจังหวั้ด ขณะที่การตรวจสอบข้อร้องเรียน การทำผิดกฎหมายเลือกตั้งจะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว