เงินพนันบอลเฉียด 6 หมื่นล้าน

เงินพนันบอลเฉียด 6 หมื่นล้าน

หอการค้าฯ คาดบอลโลก 2018 เงินการพนันบอลเฉียด 6 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้น 1.9%

ช่วงเวลาที่คอบอลทั่วโลกรอคอยมานานถึง 4 ปี "มหกรรมฟุตบอลโลก 2018” ที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพกำลังจะเปิดฉากในวันที่ 14 มิ.ย.นี้ยาวไปจนถึง 15 ก.ค.61 ประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่คลั่งไคล้ฟุตบอล และเกาะติดตารางการแข่งขัน ท่ามกลางการตื่นตัวของทุกภาคธุรกิจ แคมเปญต่างๆ ผุดขึ้นดึงดูดทุกเพศวัย ให้ร่วมสนุกกับมหกรรมฟุตบอลโลก

สิ่งที่เกิดความกังวลขึ้นพร้อมๆ กับความสนุกที่มากับเกมการแข่งขัน ภัย “พนัน” เพราะไม่ใช่แค่นักพนันกลุ่มคนวัยทำงานเท่านั้น แต่ยังเกิดนักพนันหน้าใหม่ โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน เพิ่มขึ้น ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีก้าวล้ำ ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทุกที่ทุกเวลา จาก“โต๊ะพนันบอล” ออฟไลน์ กลายเป็น “นักพนันออนไลน์” ว่ากันว่ามีช่องทางดึงดูดให้หลงสู่วงจรการพนันมากกว่า 10,000 เว็บไซต์ สร้างเม็ดเงินมหาศาล ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างงัดมาตรการหวังสกัดล้อมคอกป้องกันการพนันบอล

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงฟุตบอลโลก 2018 ระหว่างวันที่ 28 พ.ค.-2 มิ.ย.2561ทั่วประเทศ คาดการณ์ว่าช่วงฟุตบอลโลกจะมีเงินสะพัด 78,385.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.4 % เมื่อเทียบกับเทศกาลบอลยูโร 2016 มีเงินสะพัด 76,541.15 ล้านบาท แต่ถ้าเทียบกับบอลโลกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ใช้เงิน 9 หมื่นกว่าล้านบาท อาจจะไม่คึกคักเท่า โดยการใช้จ่ายในระบบเศรษฐกิจ บอลโลก 2018 มีเพียง 17,901.75 ล้านบาท หรือเติบโต 4.1% สาเหตุมาจากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวแบบกระจุกตัว คนระมัดระวังการใช้จ่ายเพราะมองถึงรายได้ยังต่ำกว่ารายจ่าย อีกทั้งทีมฟุตบอลที่โปรดที่ชื่นชอบหายไป เช่น อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ทำให้กระแสการรอชมจึงน้อยและการจัดโปรโมชั่นยังล่าช้ากว่าปกติ มีการถ่ายทอดฟรีทั้งหมด และปีนี้ส่วนใหญ่ 60% ชมการแข่งขันผ่านอินเทอร์เน็ต จากมือถือ คอมพิวเตอร์ ส่วนเงินที่นำมาใช้จ่าย มาจากเงินเดือน/รายได้ปกติ 61.0% เงินออม 18.8% โบนัส/รายได้พิเศษ 16.7% กู้ยืม 1.9% จากผู้ปกครอง 1.6% และอื่นๆ 0.1% ส่วนช่องทางการติดตามข่าวสารเกี่ยวกับฟุตบอลโลก 65.3% ติดตามผ่านอินเทอร์เน็ต

นายธนวรรธน์ กล่าวต่อไปว่า ส่วนการใช้จ่ายนอกระบบเศรษฐกิจ(พนันบอล)ปีนี้คาดว่ามีใช้เงิน 58,995 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9% ดังนั้น เมื่อรวมค่าใช้จ่ายทั้ง 2ส่วน จะเพิ่มขึ้น 2.4% จาก 4 ปีก่อน หรือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอีก 0.2-0.3 พฤติกรรมการเล่นพนันบอล พบว่า 57.7% ไม่เล่น 34.2 % เล่นเฉพาะทีมที่ชอบ 6.6% เล่นบางนัด และ 1.5%เล่นทุกนัด ซึ่งรูปแบบเล่นพนัน 78.3% ใช้เงินสด 14.0% อาหาร 7.3% สิ่งของ และ 0.4% อื่นๆ ส่วนสาเหตุเล่นพนันบอล พบว่า 54.9% อยากได้รางวัลจากการพนันบอล 26.2% การชักชวนของเพื่อน 12.1% ความสนุก และ 6.8% เป็นแฟชั่น

จำนวนเงินที่ใช้เล่นพนันบอลเฉลี่ย 5,872.50 บาทต่อการเล่นพนันบอลตลอดการแข่งขัน และเฉลี่ย 2,065.56 บาทต่อการพนันในนัดที่เล่น เงินต่อนัดได้รับที่ประมาณ 6,569.12 บาท ส่วนการวางเงินเดิมพัน พบว่า 56.8 % เงินเดิมพัน 1,001-5,000 บาท ,15% เงินเดิมพัน 501-1,000 บาท, 13.4% เงินเดิมพัน 101-500 บาท ,10.9% เงินเดิมพัน 5,001-10,000 บาท, 3.2% เงินเดิมพัน 10,001-50,000 บาท ,0.4 % ต่ำกว่า 100 บาท และ0.3%มากกว่า 50,001 ขึ้นไป

“เมื่อเปรียบเทียบการพนันฟุตบอลโลก 2018 กับช่วงต่างๆ ผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าจะมีการเล่นพนันบอลเพิ่มขึ้น 56.9% สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากสุด คือกลุ่มนักเรียนและนักศึกษา ที่น่าจับตาคือเงินพนันไหลไปต่างประเทศมากขึ้น ประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาทจากเงินพนันทั้งหมด เพราะนิยมเล่นในอินเทอร์เน็ตมากขึ้น”นายธนวรรธน์ กล่าวและว่า ทั้งนี้ มีข้อเสนอแนะอยากให้มีการประกาศให้ “การควบคุมพนัน” เป็นวาระแห่งชาติ และไม่เห็นด้วยที่ให้เปิดการพนันอย่างถูกกฎหมาย