แบงก์รัฐปล่อยกู้ 'สตาร์ทอัพ' กว่า 828 ล้าน

นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน ในฐานะโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เผยความคืบหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ (National Startup Committee: NSC) ที่มีนายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธานในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มีจำนวนวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) ในประเทศไทยลงทะเบียนกับ http://startupthailand.org ของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติจำนวน 1,700 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจำนวน 200 ราย

ขณะที่มีจำนวนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรายใหม่ (SMEs/New Startup) ที่ขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตาม พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 658) พ.ศ.2561 เพื่อยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับกำไรสุทธิของ SMEs/New Startup เป็นระยะเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชีนั้นมี SMEs/New Startup เข้ามาจดทะเบียนและยื่นขอรับการรับรองกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) แล้วจำนวน 154 ราย ได้รับการรับรองจากสวทช.แล้วจำนวน 96 ราย และได้ขอใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับกรมสรรพากรแล้วจำนวน 77 ราย โดยมีกิจการเข้ามายื่นขอรับการรับรองกับ สวทช.เพิ่มขึ้นจำนวน 3 ราย ได้รับการรับรองเพิ่มขึ้นจำนวน 6 ราย และขอใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจำนวน 4 ราย

จำนวน Startup ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐผ่านการร่วมลงทุนกับธนาคารออมสิน ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทย ได้อนุมัติการร่วมลงทุนใน Startup แล้ว 36 ราย วงเงินรวม 828 ล้านบาท โดยมี Startup 10 รายที่ได้มีการร่วมลงทุนแล้ว คิดเป็นเงินร่วมลงทุน 216 ล้านบาท ในจำนวนนี้มีกิจการ Startup ได้รับอนุมัติการร่วมลงทุนเพิ่มจากเดือนก่อนจำนวน 1 ราย วงเงิน 60 ล้านบาท

สำหรับกลุ่มนักลงทุนในไทยที่ลงทะเบียนกับ Web Portal บนเว็บไซต์ http://startupthailand.org มีจำนวน 300 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนจำนวน 231 ราย ส่วนกิจการเงินร่วมลงทุน (Venture Capital: VC) และทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity Trust: PE Trust) ที่ขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตาม พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 636) พ.ศ.2560 เพื่อขอรับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินปันผลและรายได้จากการโอนหุ้นของบริษัทเป้าหมายเป็นระยะเวลา 10 รอบระยะเวลาบัญชี มีผู้จดแจ้งการเป็น VC และ PE Trust กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แล้วจำนวนทั้งสิ้น 30 ราย ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อน