เดลล์อีเอ็มซีประกาศรุกโซลูชั่นเอไอ

เดลล์อีเอ็มซีประกาศรุกโซลูชั่นเอไอ

เผยเอไอ-แมชชีนเลิร์นนิง อิทธิพลแรงกระแสลงทุนภาคธุรกิจ ชี้หากไม่เร่งปฏิรูปไอทีจะไม่สามารถแข่งขันในตลาด ประกาศรุกหนักโซลูชั่นเอไอ หนุนองค์กรเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

นายนพดล ปัญญาธิปัตย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ อีเอ็มซี กล่าวว่า เทรนด์การลงทุนไอทีสำหรับธุรกิจองค์กรจากนี้ได้รับอิทธิพลจากทั้งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) แมชชีนเลิร์นนิง อินเทอร์เน็ตออฟธิงส์(ไอโอที) คลาวด์คอมพิวติ้ง การนำซอฟต์แวร์มาช่วยบริหารจัดการ รวมถึงระบบอัตโนมัติต่างๆ

ทั้งนี้ เนื่องจากต่างมุ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเกิดใหม่เพื่อก้าวให้เหนือคู่แข่ง ส่งผลให้ต้องอาศัยการปรับปรุงระบบไอทีให้ทันสมัย สามารถทำงานได้อัติโนมัติมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจโดยอีเอสจี ที่ระบุว่า จากผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอที 4 พันคนทั่วโลก 81% เห็นพ้องว่าหากไม่มีการปฏิรูปไอที องค์กรจะไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้

จากผลการวิจัยล่าสุดของตัวชี้วัดการเติบโตของการปฏิรูปด้านไอที เผยว่า บริษัทที่มีการปฏิรูปด้านไอทีจะสามารถตัดสินใจในการเดินหน้าทางธุรกิจได้เร็วกว่าและดีกว่าคู่แข่งด้วยการใช้ข้อมูลถึง 18 เท่า นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่บริษัทเหล่านี้จะสามารถนำหน้าในการแข่งขันด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่เข้าสู่ตลาดได้เร็วกว่า 22 เท่า

ข้อมูลระบุด้วยว่า การใช้งานไอโอทีเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยมีการคาดการณ์ว่าปี 2563 จะมีดีไวซ์ที่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต 2 หมื่นล้านดีไวซ์ และจะเพิ่มไปได้ถึง 1 ล้านล้านดีไวซ์เมื่อถึงปี 2593

ดังนั้นบทบาทของเดลล์อีเอ็มซี วางจุดยืนชัดเจนว่ามุ่งนำเสนอโซลูชั่นสำหรับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีที่ครบวงจร ล่าสุด เปิดตัวโซลูชั่นใหม่เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถนำเอไอและแมชชีนเลิร์นนิงมาใช้ได้จริง รวมถึงสามารถเปลี่ยนดาต้าให้เป็นข้อมูลอัจฉริยะเชิงลึก เพื่อเร่งเวลาเข้าสู่ตลาดและเกิดผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น

นอกจากนี้ แนะนำโฉมใหม่ของเทคโนโลยีสตอเรจ “เดลล์ อีเอ็มซี พาวเวอร์แมกซ์” สตอเรจอาเรย์ที่เร็วที่สุดในโลก เสริมด้วยโซลูชั่นและบริการรองรับกลไกแมชชีนเลิร์นนิงสำหรับระบบงานในดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่

พร้อมกันนี้ยกระดับบริการคลาวด์ โดยประกาศขยายสายผลิตภัณฑ์ระบบโครงสร้างพื้นฐานแบบไฮเปอร์คอนเวิร์จ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น รองรับการใช้มัลติคลาวด์ในสภาพแวดล้อมวีเอ็มแวร์ เป้าหมายของเดลล์หวังช่วยลูกค้าให้ได้รับผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น โดยการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ซึ่งต้องพร้อมตั้งแต่พีซีเวิร์กสเตชั่น ดาต้าเซ็นเตอร์ ไปจนถึงแอพพลิเคชั่นที่อยู่บนคลาวด์

สำหรับการเริ่มต้นขอแนะนำให้คำนึงถึงการทำไอทีทรานส์ฟอร์เมชั่น ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนระบบให้มีความทันสมัย ทำงานได้อัตโนมัติ จากนั้นเมื่อหลังบ้านมีบ้านพร้อมจึงค่อยปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนผ่านโมเดลธุรกิจไปสู่ดิจิทัล