วางเป้าพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เป็นอินโดไชน่าเกตเวย์

วางเป้าพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง เป็นอินโดไชน่าเกตเวย์

โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 คาดคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนปลายปีนี้ โดยรัฐบาลวางเป้าหมายการพัฒนาให้เป็นอินโดไชน่าเกตเวย์ เชื่อมโยงระบบการขนส่งสินค้าไปในพื้นที่ต่างๆ

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล เปิดเผยถึงโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟสที่ 3 ขณะนี้เป็นการเปิดรับฟังความเห็นภาคเอกชนครั้งที่ 2 ในรูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) รองรับการขนส่งตู้สินค้าผ่านทางรถไฟและเพิ่มระบบจัดการขนตู้สินค้าแบบอัตโนมัติมูลค่าการลงทุนประมาณการที่ 95,000-105,000 ล้านบาท กระบวนการดำเนินการเดือนสิงหาคมปีนี้จะประกาศทีโออาร์ และคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนในเดือนธันวาคม หากเป็นไปตามแผนภายในปีนี้ คาดว่าจะได้ผู้ชนะการประมูล โดยกระบวนการจะให้แล้วเสร็จก่อนมีการเลือกตั้ง

โครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟสที่3 เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ที่รัฐบาลเร่งให้ขับเคลื่อนเป็นรูปธรรม เมื่อการก่อสร้างแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มความสามารถการขนส่งตู้สินค้าจาก 11.1 ล้านทีอียู/ปี เป็น 18.1 ล้านทีอียู/ปี เพิ่มขีดความสามารถขนส่งรถยนต์จาก 2,000,000 คัน/ปี เป็น 3,000,000 คัน/ปี เพิ่มสัดส่วนการขนส่งตู้สินค้าผ่านท่าโดยรถไฟทั้งหมดของท่าเรือแหลมฉบังจาก 7% เป็น 30% ช่วยลดต้นทุนค่าขนส่งรวมของประเทศจาก 14% ของจีดีพีเหลือ 12% และประหยัดเงินค่าขนส่งได้ 250,000 ล้านบาท และสามารถเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าไปในอินโดไชน่า วางเป้าหมายให้ท่าเรือแหลมฉบังเป็นอินโดไชน่าเกตเวย์ เชื่อมโยงการนำเข้า ส่งออกสินค้า ไปยัง กัมพูชา ลาว เมียนมาร์รวมถึงจีนตอนใต้อย่างคุนหมิงและเป็นท่าเรือน้ำลึกที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้