บุกจับหนุ่มกัมพูชา ปล่อยข่าวทำลายความเชื่อมั่นรบ. คุมตัวส่งปอท.

บุกจับหนุ่มกัมพูชา ปล่อยข่าวทำลายความเชื่อมั่นรบ. คุมตัวส่งปอท.

ตร.ท่องเที่ยว วางแผนร่วมกัมพูชา บุกจับหนุ่มกัมพูชา จบไอที-ทำงานด้านอัญมณี ปล่อยข่าวทำลายความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล-เศรษฐกิจไทย คุมตัวส่งปอท.

ตามนโยบายรัฐบาลและการปฏิบัติการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำการปราบปรามองค์กรอาชญากรรมที่ทำลายความเชื่อมั่นของรัฐบาลและเศรษฐกิจของประเทศ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ได้ทำการสืบสวนปราบปรามจับกุมมาอย่างต่อเนื่อง และจากการสืบสวนขยายผลการจับกุมบุคคลนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยได้โพสต์บทความลงในอินเตอร์เน็ต พาดหัวข่าวว่า “บิ๊กตู่” ฟิวขาด ด่ากราดปปช. ไล่ให้เติม “น้ำเปล่า” แทนดีเซล อย่าโง่ วอนประชาชนอย่าเรื่องมาก” อันเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน

ศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับ นายรัตนะ เฮง (Mr.Ratanak Heng) สัญชาติกัมพูชา ในความผิดฐาน “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1154/2561 ลงวันที่ 30 พ.ค.2561 และดำเนินคดีกับผู้ต้องหาจำนวน 6 ราย ซึ่งเป็นผู้แชร์ต่อข้อมูลข่าวอันเป็นเท็จดังกล่าว ประกอบด้วย 1.นายธนวัชร์ 2.นายรุ่งโรจน์ 3.นางสาวปภาศร 4.นางสาวจิตาภา 5.นางสาวประภัสสร 6.นายรฐนนท์ กระทำความผิดฐาน “เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ต่อการรักษาความมั่งคงปลอดภัยของประเทศหรือความมั่งคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน” นั้น

ล่าสุดวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. หัวหน้าชุดปฏิบัติการพร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1, พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2, พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ., พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผกก.3 บก.ปอท., พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น.4 , พ.ต.ท.เขมรินทร์ พิสมัย รอง ผกก.สส.สน.ห้วยขวาง, พ.ต.ท.อาริศ คูประสิทธิรัตน์ รอง ผกก.สายตรวจ.บก.สปพ., พ.ต.ท.ศุภรฐโชติ จำหงษ์ รอง ผกก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.ศิลา ตันตระกูล สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล ,พ.ต.ท.อลงกรณ์ กนกวรรณ สว.วิเคราห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บช.น., พ.ต.ต.นที คุ้มล้วนล้อม สว.งานสายตรวจ 2 กก.สายตรวจ บก.จร. รวมถึงฝ่ายสืบสวน ได้เดินทางจากประเทศไทยมุ่งตรงสู่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อเข้าพบ นาย เซา ซก คา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการหน่วยรักษาความปลอดภัยฝ่ายพลเรือนของกัมพูชา เพื่อร่วมหารือแนวทางการทำงาน หลังพบเบาะแสว่ามีนายรัตนะ เฮง (Mr.Ratanak Heng) ผู้ต้องหารายสำคัญ ทำการปลอมข่าวทำลายความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล และเศรษฐกิจของประเทศไทย ในกัมพูชา จึงได้วางแผนเข้าจับกุม

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่านายรัตนะ จบการศึกษาด้านไอที และทำงานด้านการค้าอัญมณี รวมถึงบิทคอยด์ ซึ่งเป็นสกุลเงินอิเล็กทรอนิกส์ โดยพบว่าได้มีการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับรัฐบาลไทย และนายกรัฐมนตรี ถึงสามครั้ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการสืบสวนว่านายรัตนะ เฮงมีส่วนพัวพันกับการยุยงปลุกปั่นให้เกิดปัญหาความมั่นคงในประเทศไทยหรือไม่ และมีใครอยู่เบื้องหลังในการจ้างวานให้โพสต์ข้อมูลอันเป็นเท็จหรือไม่

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จลงสู่ระบบอินเตอร์เน็ต ถือเป็นความผิดตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการดำเนินคดีกับคนไทย 6 คนที่เป็นผู้โพสต์ข้อความอันเป็นเท็จลงสู่ระบบอินเตอร์เน็ต ผู้โพสต์ส่วนใหญ่ให้การว่า เป็นการส่งต่อข้อมูลเท่านั้นแต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการยุยงปลุกปั่นทางการเมือง

ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกัมพูชาได้เชิญตัวนายรัตนะ เฮง มาพูดคุย และทำความเข้าใจ โดยนายรัตนะ เฮง ยินยอมเดินทางพร้อมกับ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ไปยังประเทศไทยเพื่อเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน ปอท. ต่อไป