หมายจับ 'วัฒนา' เบี้ยวศาลคดีทุจริตคลองด่าน

หมายจับ 'วัฒนา' เบี้ยวศาลคดีทุจริตคลองด่าน

เลื่อนอ่านฎีกาคดีทุจริตคลองด่านรอบ 2 "วัฒนา อัศวเหม" พร้อมพวก 3 คน เบี้ยวนัดศาล นัดอ่านรอบ 3 วันที่ 13 ก.ค.นี้

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.61 ที่ห้องพิจารณา 407 ศาลแขวงดุสิต ถ.นครไชยศรี  ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.254/2547 ครั้งที่ 2 คดีทุจริตโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง 1.กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี NVPSKG 2.บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้าง 3.นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการบริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้างฯ  4.บริษัท ประยูรวิศว์การช่างฯ 5.นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัท ประยูรวิศว์การช่างฯ 6.บริษัท สี่แสงการโยธา (1979)ฯ 7.นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการ บริษัท สี่แสงการโยธาฯ  8.บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ฯ 9.นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการบริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ฯ 10.บริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ฯ 11.นายรอยอิศราพร ชุตาภา กรรมการบริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ฯ  12.บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ฯ  13.นายชาลี ชุตาภา กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 14.นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 15.นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการบริษัท คลองด่านมารีนฯ 16.บริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ  17.นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการบริษัท ปาล์ม บีชฯ 18.นายกว๊อกวา โอเยง สัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ และ 19.นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รมช.มหาดไทย เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่รวม 1,900 ไร่ มูลค่า 1.9 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แต่ที่ดินที่จัดซื้อมานั้นเป็นของกลุ่มบริษัทพวกจำเลยที่จัดหามา ซึ่งเป็นลำคลอง ถนนสาธารณะและป่าชายเลน พร้อมฉ้อโกงสัญญาก่อสร้างฯ มูลค่ากว่า  2.3 หมื่นล้านบาท

คดีนี้จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ศาลแขวงดุสิต ให้ยกฟ้องในส่วนของกิจการร่วมค้า NVPSKG จำเลยที่ 1 และสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 2 -19 คงเหลือจำเลยที่เข้าสู่กระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาของศาลรวม 18 รายเท่านั้น เมื่อศาลตรวจสอบรายชื่อจำเลยแล้ว ปรากฏว่าขาดจำเลยที่ 7, 11, 13, 15, และนายวัฒนา จำเลยที่ 19 ส่วนจำเลยที่ 7 มีอาการป่วยหนัก โดยมีบุตรสาวมาแถลงยืนยัน และแสดงใบรับรองแพทย์รพ.เวชธานีว่า บิดาต้องเข้ารับการผ่าตัดขยายหลอดเลือดหัวใจขาดกระทันหัน  ต้องตรวจดูความพร้อมของร่างกายระยะหนึ่ง กรณีจึงมีเหตุจำเป็น ขณะที่จำเลยที่ 11, 13, 15, และ19 ศาลได้แจ้งหมายเรียกให้ทราบโดยชอบแล้ว โดยที่จำเลยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง เชื่อว่ามีพฤติการณ์หลบหนี จึงให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสี่มาฟังคำพิพากษาฎีกา  และนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 13 ก.ค. เวลา 9.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้นัดอ่านฎีกาครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2561 ศาลแขวงดุสิต ได้มีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา  เนื่องจากจำเลยที่ 11 - 13, 15 และ 19 ไม่มาศาล โดยจำเลยบางคนยังไม่ได้รับหมายนัด เพราะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ และจำเลยบางส่วนไม่มีเลขที่พักแน่ชัด เพราะถูกไฟไหม้  รวมทั้งจำเลยบางราย มีอาการป่วยเข้ารับการผ่าตัด ต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกาย ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาฎีกาไปก่อน ศาลพิจารณาแล้วจึงให้ส่งหมายนัดใหม่ หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมายแทน สำหรับนายวัฒนา จำเลยที่ 19 นั้น หลบหนีคดีตั้งแต่ปี 2552 โดยศาลแขวงดุสิตสั่งออกหมายจับไว้แล้ว นอกจากนี้เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2551 นายวัฒนา ยังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 10 ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ. สมุทรปราการ ออกโฉนดที่ดินใน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ให้กับ บริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ แต่นายวัฒนา หลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาฯ จึงสั่งออกหมายจับ เพื่อติดตามนำตัวนายวัฒนามารับโทษตามคำพิพากษา 10 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี