WHA - ซื้อ

WHA - ซื้อ

ยุคทองของการเติบโตอยู่ไม่ไกล

เนื่องจาก พรบ. อีอีซีเริ่มมีผลบังคับใช้แล้ว จึงทำให้นโยบายสนับสนุนการลงทุนต่างๆมีผลบังคับใช้ทางกฏหมายที่ชัดเจน สิ่งที่ต้องจับตามองต่อคือการเลือกตั้งที่คาดว่าจะอยู่ในช่วงต้นปี 2562 ซึ่งเราเชื่อว่าปัจจัยทั้งสองประการนี้จะสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนรวมทั้งกระตุ้นยอดขายที่ดินในพื้นที่อีอีซี เราจึงมองว่าถึงเวลาเก็บสะสมหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมแล้ว โดยหากเลือกจากหุ้นที่เราวิเคราะห์ เราชื่นชอบ WHA มากที่สุดและยังคงให้คำแนะนำ “ซื้อ” (โดยราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2561 อยู่ที่ 5บาท) จากการเติบโตของกำไรและผลประโยชน์จากอีอีซีที่โดดเด่น

แนวโน้มอัพไซด์จากโครงการอีอีซี ประการ 1: ยอดขายที่ดิน

เนื่องจาก พรบ. อีอีซีเริ่มมีผลบังคับใช้ซึ่งมีแนวโน้มส่งผลให้ยอดจองซื้อที่ดินในเขตอีอีซีขยายตัว อย่างไรก็ตามประมาณการของเรายังคงใช้สมมุติฐานเชิงอนุรักษณ์นิยมต่อการโอนที่ดินของ WHA ในปี 2561 ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2% YoY มาอยู่ที่ 1,000 ไร่ (สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท) และค่าราคาขายเฉลี่ยจะปรับขึ้นเพียงแค่ 5% YoY ซึ่งหมายความว่ารายได้จากการขายที่ดินจะเติบโต 8% YoY ในปีนี้ หากแต่การโอนที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างมากกว่าที่เราคาดการณ์เอาไว้ เราคำนวณว่าทุกๆ 100 ไร่ที่บริษัทโอนที่ดินได้มากกว่าที่เราคาดการณ์จะส่งผลให้กำไรหลักเพิ่มขึ้น 4%

แนวโน้มอัพไซด์จากโครงการอีอีซี ประการที่ 2: อุปสงค์โกดังสินค้าเพิ่มมากขึ้น

การลงทุนในอีอีซีที่น่าสนใจจะดึงดูดการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยเราคาดว่าสัญญาเช่าล่วงหน้าใหม่ของ WHA ในปี 2561 จะเติบโตก้าวกระโดด 39% มาอยู่ที่ 225,000 ตารางเมตร (โดยเป้าหมายของ WHA อยู่ที่ 200,000-250,000 ตารางเมตร) นอกจากนี้โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องกับ อีอีซี เช่น ท่าเรือน้าลึกแหลมฉบัง และอุปสงค์เช่าพื้นที่ที่เกี่ยวเนื่องกับ อีอีซี เช่น แผนการเปิดตัว E-commerce park ในประเทศไทยของ Alibaba จะหนุนการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มในอนาคตนอกจากนี้ WHA วางแผนที่จะประมูลโกดังที่สนามบินอู่ตะเภา ในส่วนธุรกิจซ่อมเครื่องบิน (MRO) ขนาดหลายแสนตารางเมตร ซึ่งเราคำนวณว่าทุกๆ 100,000 ตารางเมตรของการเช่าโกดังที่สูงกว่าที่เราคาดการณ์จะหมายถึงอัพไซด์ 5-6% ต่อประมาณการกำไรระยะยาวของ WHA

แนวโน้มอัพไซด์จากโครงการอีอีซี ประการที่ 3: หนุนธุรกิจเสริม

ยอดขายเพิ่มขึ้นจากการขายที่ดินอุตสาหกรรมและการเช่าโกดังคาดว่าจะหนุนอุปสงค์สาธารณูปโภคและพลังงานในพื้นที่ นอกจากการเติบโตจากธุรกิจที่มีอยู่แล้ว WHA ยังคงศึกษาการเข้าร่วมประมูลโครงการบริหารการจัดการน้ำสำหรับท่าอากาศยานอู่ตะเภา ซึ่งเรามองว่าเป็นอัพไซด์ต่อแนวโน้มธุรกิจในระยะยาว

แนวโน้มธุรกิจแข็งแกร่งหนุนการปรับประมาณการกำไร

จากที่เราได้มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้บริหาร เราค่อนข้างมีมุมมองเชิงบวกแก่แนวโน้มกำไรของ WHA จากประเด็นดังต่อไปนี้ 1) แนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์ที่ดูดีขึ้น และ 2) ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งทั้งสองประการส่งผลให้มีการปรับประมาณการกำไรหลักเพิ่มขึ้น 16% มาอยู่ที่ 3,549 ล้านบาท นอกจากนี้เรายังปรับประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 30% มาอยู่ที่ 5,574 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนขายสินทรัพย์เข้ากองรีทส์ในปี 2561 เพิ่มขึ้น 43% จากเดิมที่ 160,000 ตารางเมตร มาอยู่ที่ 228,000 ตารางเมตร อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงของกำไรหลังหักภาษีคิดเป็นเพียง 4% ของมูลค่าตามบัญชีของบริษัท ทั้งนี้เราจึงยังคงราคาเป้าหมายเดิม