โกยเงินทอนวัด70ล้าน ลอบมั่วสีกาหลายคน ความลับ '5พระผู้ใหญ่' จ่อเปิดโปง

โกยเงินทอนวัด70ล้าน ลอบมั่วสีกาหลายคน ความลับ '5พระผู้ใหญ่' จ่อเปิดโปง

ยิ่งสืบสาวยิ่งฉาวโฉ่! โกยเงินทอนวัด70ล้าน ลอบมั่วสีกาหลายคน ความลับ "5พระผู้ใหญ่" จ่อถูกเปิดโปง สะเทือนวงการสงฆ์

จากกรณีการสืบสวนคดีทุจริตเงินทอนวัด งบการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลี และงบเผยแพร่ศาสนาในพื้นที่กรุงเทพฯจำนวน 3 แห่ง 4 คดีความเสียหายรวม 70 ล้านบาท โดยมีพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปเข้าไปเกี่ยวข้อง

แหล่งข่าวในชุดสืบสวน เปิดเผยว่า เรื่องทุจริตเงินทอนวัดยักยอกถ่ายเทเงินจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พ.ศ.) ไปยังโยมที่ผู้หญิงทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่ามีประเด็นอะไรไปกว่าการเจตนาทุจริตหรือไม่ เนื่องจากพระเถระดังกล่าวมีความสนิทกับสตรีมากกว่าญาติโยมเพศชาย ซึ่งการสืบสวนในเชิงลึกของชุดสืบสวนที่ดำเนินการมาก่อนหน้านี้พบว่าพระผู้ใหญ่บางรูปที่ถูกออกหมายจับนั้นมีพฤติกรรมเสพเมถุนและบางรูปเข้าข่ายประพฤติตนไม่เหมาะต่อการเป็นสมณเพศ

รายงานข่าวแจ้งว่า จากแนวทางสืบสวนพบว่า พระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่งที่ มีความใกล้ชิดกับสีกาอายุประมาณ 50 ปี โดยชุดสืบสวนได้เชิญตัวมาสอบปากคำพร้อมกับบันทึกคำให้การเป็นหลักฐานไว้แล้ว โดยหญิงคนดังกล่าวเปิดเผยว่า เมื่อ 2-3 ปีก่อน ได้รู้จักกับพระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในสถานบริการนวดแผนโบราณ โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ เนื่องจาก แต่งกายสวมชุดซาฟารี และสวมหมวกแก๊ป เข้ามาเที่ยวและแทนตัวเองว่า “เฮีย” จากนั้นได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาตลอด โดยให้ค่าตอบแทนครัั้งละ 20,000-30,000 บาท

หญิงคนดังกล่าวระบุอีกว่า ระยะหลังเริ่มสงสัยพฤติกรรม จึงได้สอบถามพูดคุย จนพระชั้นผู้ใหญ่ยอมรับว่า เป็นพระสงฆ์ และเสนอเงินเดือนและให้กับการไม่ต้องทำงานให้ค่าตอบแทนเดือนละ 30,000 บาท พร้อมกับส่งให้ไปเรียนเสริมสวยและเปิดร้านเสิรมสวยให้ โดยชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนเสริมสวยที่ถูกกล่าวอ้าง พบว่า มีชื่อปรากฎเคยเข้ามาเรียน ตรงคำให้การทุกอย่าง

หญิงคนดังกล่าวเปิดเผยอีกว่าเวลาผ่านไปประมาณปีกว่าปรากฏว่าพระผู้ใหญ่ได้พยายามตีตัวออกห่างไม่ให้เข้าพบและหลบหน้า ซึ่งมารู้ภายหลังว่า ไปมีหญิงคนอื่นอีกหลายคน

แหล่งข่าวระบุอีกว่า นอกจากพระชั้นผู้ใหญ่รูปดังกล่าว ยังมีพระผู้ใหญ่อีก 2 รูปที่ถูกออกหมายจับในครั้งนี้ มีความสนิทสนมกับผู้หญิงเกินความจำเป็น มีการถ่ายเทเงินให้กับผู้หญิง และยังมีการเดินทางร่วมกันไปต่าประเทศปีละกว่า 10 ครั้งนอกจากนี้ในการเข้าตรวจค้นกุฎิพระผู้ใหญ่รูปหนึ่ง พบแผ่นวีซีดีหนังลามกอนาคารจำนวนหนึ่งซุกซ่อนอยู่ในกุฎิอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวระบุอีกว่า ทางคดีกรณียุ่งเกี่ยวมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงนั้น ทางพนักงานสอบสวนไม่สามารถดำเนินคดีได้ เพราะการที่จะจับพระสงฆ์สึกจากสมณเพศ จะต้องกระทำผิดเนื่องจากประพฤติอาบัติปาราชิก ซึ่งเป็นความผิดขั้นสูงสุด จะต้องจับได้ขณะที่กำลังเสพสังวาส ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นเรื่องของการสมยอมระหว่างฝ่ายชายและฝ่ายหญิง

อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำพยานและบันทึกหลักฐานต่างๆไว้เป็นหลักฐานแล้วและอาจจะส่งประกอบสำนวนให้กับพนักงานอัยการด้วยก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับในที่ประชุมพนักงานสอบสวนซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในการตรวจสำนวนให้รัดกุมมากที่สุด

แนวทางการสืบสวนดังกล่าวสอดรับกับที่ทาง พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) ระบุว่า มีความไม่งดงามในสมณเพศทำให้พระพุทธศาสนาเสียหาย และจากการตรวจค้นวัดทั้ง 3 แห่งเมื่อวานนี้พบหลักฐานอื่น ๆ ด้วย มีทั้งที่ไม่เหมาะสมกับสมณเพศ แต่ไม่ขอเปิดดเผย อยู่ระหว่างพิจารณาว่าต้องนำไปสู่การแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมหรือไม่