“จีนา แฮสเปล”สาบานตนนั่งเก้าอี้ผอ.หญิงซีไอเอ

“จีนา แฮสเปล”สาบานตนนั่งเก้าอี้ผอ.หญิงซีไอเอ

นางจีนา แฮสเปล อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองกลางสหรัฐ (ซีไอเอ) ทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งผู้อำนวยการซีไอเอเมื่อวันจันทร์ (21พ.ค.) ถือเป็นผู้อำนวยการหญิงคนแรกของซีไอเอ นับตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรมานาน 71 ปี

วุฒิสภาสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 54-45 ให้การรับรองนางแฮสเปลขึ้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการซีไอเอ โดยก่อนหน้านี้ มีวุฒิสมาชิกจำนวนหนึ่งที่แสดงการคัดค้านการแต่งตั้งนางแฮสเปล เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งคุกลับในไทยในปี 2545 เพื่อคุมขังและทรมานนักโทษของซีไอเอ ที่พัวพันกับการก่อการร้าย และมีการทำลายหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการทรมานนักโทษ

ในการชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภา นางแฮสเปลยืนยันว่า ตนจะไม่นำวิธีทรมานนักโทษกลับมาใช้อีก และแม้ปธน.ทรัมป์ออกคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ขัดต่อจริยธรรม ตนก็จะไม่ปฏิบัติตาม

“ซีไอเอได้เรียนรู้บทเรียนราคาแพง โดยเฉพาะเมื่อถูกร้องขอให้ทำภารกิจที่อยู่นอกเหนือความเชี่ยวชาญของเรา” นางแฮสเปล กล่าว

นางแฮสเปลระบุว่า ซีไอเอไม่ได้เตรียมพร้อมที่จะดำเนินโครงการกักตัวและสอบสวนผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หลังเหตุการณ์โจมตีสหรัฐในวันที่ 11 ก.ย.2544

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ในทำเนียบขาวกังวลว่าประวัติการทำงานในฐานะรองผู้อำนวยการซีไอเอของนางแฮสเปล อาจสร้างปัญหาต่อวุฒิสภาในการลงมติให้การรับรองนางแฮสเปลดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการซีไอเอ 

ขณะที่สื่อรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวได้เรียกตัวนางแฮสเปลเข้าพบเพื่อสอบถามเกี่ยวกับประวัติการทำงานที่ผ่านมาที่เกี่ยวข้องกับการตั้งคุกลับในไทย ซึ่งมีการใช้โค้ดลับ “Cat’s Eye” เพื่อคุมขังนักโทษของซีไอเอที่พัวพันกับการก่อการร้าย โดยเฉพาะกลุ่มอัลกออิดะห์

มีรายงานว่านางแฮสเปล ให้การสนับสนุนการทรมานนักโทษในคุกลับดังกล่าวเพื่อให้คายความลับออกมา โดยวิธีซึ่งเป็นที่นิยมคือการทำ waterboarding โดยให้นักโทษนอนหงาย ขณะที่ผู้คุมจะเอาผ้าชุบน้ำวางบนหน้านักโทษ พร้อมกับเทน้ำลงบนหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการสำลักน้ำ ขณะที่น้ำไหลเข้าสู่จมูกและปาก ซึ่งจะทำให้นักโทษอยู่ในสภาพเหมือนกับกำลังจมน้ำ โดย ซีไอเอเชื่อว่าเมื่อนักโทษทนการทรมานด้วยวิธีนี้ไม่ไหว ก็จะยอมเปิดเผยความลับทุกอย่างที่ซีไอเอต้องการ