'บีโอไอ' ดึงนักลงญี่ปุ่น 2 เมืองใหญ่จับคู่ธุรกิจไทย

'บีโอไอ' ดึงนักลงญี่ปุ่น 2 เมืองใหญ่จับคู่ธุรกิจไทย

"บีโอไอ" เผยดึงคณะนักลงทุนจากโตเกียว และโอซากา กว่า 100 คน ร่วมกิจกรรมสัมมนา-จับคู่ธุรกิจ เล็งสร้างเครือข่ายธุรกิจหนุนผู้ประกอบการชิ้นส่วนไทย พร้อมจัดลงพื้นที่เยี่ยมชมนิคมฯ และพื้นที่อีอีซี

นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการลงทุน ณ กรุงโตเกียว และนครโอซากา ได้จัดคณะนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น รวมประมาณ 100 ราย เดินทางมาศึกษาโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในประเทศไทย พร้อมกับเข้าร่วมงานสัมมนา หัวข้อ “ก้าวต่อไปของยานยนต์สมัยใหม่และโอกาสลงทุนในอีอีซี” (Next Generation Vehicle and Opportunity to Invest in EEC) ซึ่งจัดขึ้นภายในงาน ซับคอนไทยแลนด์ 2018 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา

โอกาสนี้บีโอไอได้ร่วมกับหน่วยงานสนับสนุนการค้าและการลงทุนในจังหวัดโอซากา (Osaka Foundation for Trade & Industry) หรือ OFTI จัดกิจกรรมสร้างเครือข่ายธุรกิจ (Business Networking Reception) เพื่อเป็นเวทีสำหรับนักลงทุนญี่ปุ่นได้เจรจาจับคู่ธุรกิจร่วมกับผู้ประกอบการไทยที่เป็นสมาชิกจากหน่วยงานภาคเอกชนต่างๆ อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย เป็นต้น

“คณะนักลงทุนจากญี่ปุ่นที่เดินทางมาครั้งนี้ล้วนเป็นนักลงทุนในอุตสาหกรรมหลากหลายที่ต้องการพันธมิตร หรือสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ ทั้งกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ ชิ้นส่วนอุตสาหกรรมการบิน ระบบอัตโนมัติ เป็นต้น นับเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการได้พบหารือและเจรจาธุรกิจ ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นพันธมิตรและรับช่วงการผลิตได้ต่อไป”นายโชคดี กล่าว

นายโชคดี กล่าวว่า บีโอไอ จะได้นำคณะนักลงทุนจากญี่ปุ่นที่สนใจ เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงาน และนิคมอุตสาหกรรม อาทิ นิคมอุตสาหกรรม 304 นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ นิคมอุตสาหกรรมนวนคร นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง เป็นต้น รวมถึงลงพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี เพื่อรับฟังการบรรยาย แผนงาน ความคืบหน้า และโอกาสการลงทุนในพื้นที่ ซึ่งล่าสุด พระราชบัญญัติอีอีซีมีผลบังคับใช้แล้ว โดยจะสร้างความชัดเจนในแนวทางการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล และความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ปัจจุบันบีโอไอ ยังมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายเรื่องที่จะช่วยดึงดูดการลงทุน อาทิ มาตรการส่งเสริมการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ท ซิตี้ ที่มีเป้าหมายเป็นกลุ่มผู้พัฒนาระบบอัจฉริยะด้านต่างๆและมาตรการส่งเสริมการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีในพื้นที่อีอีซีโดยมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีมากกว่าเดิมที่จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้กับนักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

สำหรับการลงทุนจากญี่ปุ่นในประเทศไทยมีอย่างต่อเนื่อง โดยช่วง 3 เดือน ที่ผ่านมา (มกราคม-มีนาคม 2561) ปุ่นยังเป็นประเทศที่มีปริมาณเงินลงทุนในการยื่นขอส่งเสริมสูงที่สุด จำนวน 65 โครงการ เงินลงทุน 11,790 ล้านบาท โดยมีการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการที่น่าสนใจ อาทิ กิจการผลิตรถยนต์ กิจการศูนย์กระจายสินค้าด้วยระบบที่ทันสมัย (Distribution Center: DC) กิจการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย(International Distribution Center: IDC) และกิจการบริษัทการค้าระหว่างประเทศ (ITC)เป็นต้น