Retail Market Monitor (18 พ.ค.61)

Retail Market Monitor (18 พ.ค.61)

ผันผวน โดยธีมหลักยังเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ชนะเงินเฟ้อ

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับขึ้นทดสอบ 3.12% ยังคงอยู่ในระดับจุดสูงสุดในรอบ 7 ปี  เป็นปัจจัยกดดันต่อเงินทุนไหลออกจากตลาดเกิดใหม่ อย่างไรก็ตามผล ผลกระทบแต่ละตลาดจะต่างกันไปตามระดับการเติบโตของกำไรบจ.ในตลาดนั้นๆ ธีมการลงทุนหลักคือสินทรัพย์ที่สามารถชนะเงินเฟ้อ (inflation hedged asset) ซึ่งจะเห็นได้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์รวมถึงน้ำมันดิบในรอบนี้ ยังคงปรับตัวขึ้นเด่นกว่าสินทรัพย์อื่น แม้ค่าเงินสหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นอาจกดดันหรือทำให้มีแรงทำกำไรราคาน้ำมันดิบและโภคภัณฑ์เป็นระยะบ้างก็ตาม

หุ้นไทยวานนี้ผันผวน โดยตลาดเน้นผลักดันหุ้นในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีจากโอกาสปรับประมาณการสมมติฐานราคาน้ำมันดิบขึ้น และข่าวการถอนตัวของคู่แข่งที่จะเข้าประมูลแหล่งพลังงานในไทย แม้ส่งผลบวกต่อ PTTEP เนื่องจากราคาเหมาะสมอาจเพิ่มเป็น 150 บาท แต่กรอบ 134-150 บาท คือพื้นที่ของการเทรด ที่เหมาะสำหรับผู้ที่บริหารความเสี่ยงได้

โอกาสของการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่มากกว่าตลาดคาดอีก 1-2 ครั้ง อาจกดดันตลาดให้มีความเสี่ยงทางลงราว 50 จุด ต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ย 1 ครั้ง (25bps) ในทางกลยุทธ์เราประเมินกรอบแนวรับสำหรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนที่ 1700-1720 จุด ซึ่งระหว่างที่ตลาดแกว่งตัวรอปัจจัยใหม่ เรามองหุ้นที่ราคายัง laggard, มีปัจจัยบวกสนับสนุน หรือผ่านจุดที่แย่สุดไปแล้ว จะเป็นกลุ่มที่มีโอกาส outperform ตลาดได้ดีในช่วงนี้ อาทิ BANPU, BPP, SAPPE, GUNKUL, MONO, AMATA, WHA, ERW / รับเหมาก่อสร้าง ฟื้นตัวครึ่งปีหลัง STEC, CK, PYLON

Investment Theme เลือกเก็งกำไรรายตัวแบบตัดขาดทุน // กลุ่มพลังงาน top pick 3 อันดับ 1) IVL 2) BANPU 3) PTT // กลุ่มธนาคาร ชอบได้แก่ BBL, KTB, SCB // หุ้นกลุ่มไฟฟ้า BCPG, BGRIM, GULF*, EA // ผลการดำเนินงานผ่านจุดแย่สุด BANPU, BPP*, SAPPE, GUNKUL*, MONO*

ภาพรวมกลยุทธ์: กรอบการแกว่งระยะสั้นปรับลดลงเป็น 1740-1773 การเก็งกำไรยังควรระมัดระวังและกำหนดจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง รวมถึงตั้งจุดขายล็อคกำไร (trailing stop) ในหุ้นที่ถือครอง // หุ้นแนะนำวันนี้ PTT, BANPU / เก็งกำไร MONO* (เป้า 3.50 ตัดขาดทุน 2.96), GUNKUL* (เป้า 3.50 ตัดขาดทุน 2.96)

แนวรับ 1740 / แนวต้าน : 1761 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

ประเด็นการลงทุน

สหประชาชาติมองเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังเข้าใกล้ระดับเต็มศักยภาพ - รายงานสหประชาชติระบุเศรษฐกิจสหรัฐฯกำลังปรับตัวเข้าใกล้ระดับเต็มศักยภาพและมีแนวโน้มขยายตัวได้ 2.5% ในปีนี้ และ 2.3% ในปีหน้า พร้อมระบุการใช้จ่ายภาครัฐฯจะมีสัดส่วนราว 1% ของ GDP ไนปีนี้และปีหน้า ซึ่งจะทำให้การขาดดุลงบประมาณพุ่งขึ้นจากระดับ 3.5% ของ GDP ในปีที่แล้ว สู่ระดับ 5% ของ GDP ในปีหน้า

คลังเห็นชอบตั้งกองทุนส่งเสริมเอสเอ็มอี สศค.สรุปเห็นชอบการตั้งกองทุนส่งเสริมเอสเอ็มอีให้อำนาจ สสว.เรียกเงินนำส่งจากสถาบันการเงินในอัตราไม่เกิน 0.001% หรือ 100 ลบ.ต่อปี โดยคาดกฎหมายมีผลบังคับใช้ในปี 2562

สนค.เผยภาคบริการยังมีโมเมนตัมการเติบโตดีต่อเนื่อง สนค.ระบุภาคบริการยังคงสามารถรักษาโมเมนตัมการขยายตัวได้ต่อเนื่องและคาดว่าน่าจะยังขยายตัวได้ดีต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี โดยดัชนีภาวะการค้าภาคบริการของไทยในไตรมาส 1/61 ขยายตัว 7.8% เทียบ 10% ในไตรมาส 4/61

MSCI –Global Index เข้า (+) LH ; ออก (-) KCE, SCC-F // Small Cap Index เข้า (+) DDD, KCE, MONO, PRM, THG, TPIPL ; ออก (-) BIG, EASTW, FSMART, GL, KTC, LHFG, MALEE, SAMART, TSE // เพิ่มน้ำหนักใน CPF, EA, SCC // ลดน้ำหนักใน PTT (มีผลสิ้น 31 พ.ค.)

 

ประเด็นติดตาม: 21 พ.ค. – TH สนช.ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1/61 / 23 พ.ค. – TH ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาพ.ร.บ.คัดเลือก ส.ส. ส.ว. / 12 มิ.ย. – การหารือทรัมป์-คิม จอง อึน

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)