ราคาน้ำมันปรับตัวขึ่้นหลังสต็อกน้ำมันลด

ราคาน้ำมันปรับตัวขึ่้นหลังสต็อกน้ำมันลด

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดตลาดวันพุธ (16พ.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวขึ้น หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางตัวเลขของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (เอพีไอ)

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาดไนเม็กซ์ ปรับตัวขึ้น 22 เซนต์  ปิดที่ราคา 71.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 79.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ทั้งนี้  อีไอเอ เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางเอพีไอ ที่ระบุว่าสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 4.9 ล้านบาร์เรล  และอีไอเอ ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 3.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงน้ำมันเตา และน้ำมันดีเซล ร่วงลง 92,000 บาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันลดลง 2.2 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 ไตรมาส ซึ่งจะเป็นช่วงขาขึ้นของราคาน้ำมันที่ยาวนานที่สุดในรอบกว่า 10 ปี โดยได้แรงหนุนจากจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งจะปูทางให้สหรัฐทำการคว่ำบาตรอิหร่านครั้งใหม่หลังจากนี้ 180 วัน นอกจากว่าสหรัฐจะมีการบรรลุข้อตกลงใหม่ภายในช่วงเวลาดังกล่าว

ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สหรัฐ จะประกาศคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจำนวน 200,000-1,000,000 บาร์เรล/วัน

ขณะนี้ อิหร่านนับเป็นประเทศผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ของโลก โดยเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) โดยอิหร่านส่งออกน้ำมันมากกว่า 2.6 ล้านบาร์เรล/วัน หลังจากที่มีการลงนามในข้อตกลงในปี 2558 กับกลุ่มประเทศ P5+1 ซึ่งได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้ P5+1 ผ่อนปรนการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน เพื่อแลกกับการที่อิหร่านระงับการพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์

ทั้งนี้ โอเปกจะประชุมกันในวันที่ 22 มิ.ย.นี้ เพื่อทบทวนนโยบายการผลิตน้ำมัน หลังจากที่มีมติขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1.8 ล้านบาร์เรล/วันจนถึงสิ้นปีนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน