ดิจิทัลมูฟ! พญาไท-เปาโลเตรียมบุคลากร 4.0

นายอัฐ ทองแตง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงพยาบาลพญาไท-เปาโล เปิดเผยว่า ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยพัฒนาหลักสูตรที่เป็นแพลตฟอร์มการเรียนแบบใหม่ผสานโลกออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้ในเวลาที่ตนเองสะดวก เกิดการเรียนรู้ สังคมการเรียนรู้ และแบ่งปันองค์ความรู้และประสบการณ์ไปด้วย

ธุรกิจโรงพยาบาลเป็นธุรกิจบริการที่ให้ความสำคัญกับทรัพยากรบุคคล โดยจัดคอร์สการอบรมเสริมสร้างทักษะความรู้ ซึ่งเป็นต้นทุนที่สูงจึงต้องจำกัดจำนวนผู้เข้ารับการอบรม และไม่เกิดประสิทธิภาพเท่าที่ควร เพราะคนที่ไม่ได้อบรมก็จะไม่เข้าใจในบริบทของงานที่เปลี่ยนแปลงจากการอบรมนั้น ประกอบกับความไม่สะดวกด้านเวลาและการเดินทาง ทำให้ต้องมองหาแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่จะตอบโจทย์การพัฒนาศักยภาพของคนในองค์กร

“เราเริ่มจากพนักงาน 200 คนที่เป็นรุ่นแรกของโครงการจากพนักงานทั้งหมดในเครือกว่า 9 พันคน คาดว่าภายใน 3 ปี จะสามารถพัฒนาบุคลากรได้มากกว่า 50% โดยมุ่งไปที่กลุ่มหัวหน้าระดับกลางก่อน”นายอัฐ กล่าวและว่าสิ่งที่ตามมาจากบุคลากรที่มีศักยภาพคือ นวัตกรรมที่จะตอบโจทย์ทั้งธุรกิจโรงพยาบาลและธุรกิจบริการ

ยกตัวอย่างการนำบิ๊กดาต้ามาใช้ดูแลคนไข้เฉพาะบุคคลนอกจากจะตอบความต้องการของลูกค้าในขณะเดียวกันจะเกิดมูลค่าต่อคนไข้และลูกค้า รวมถึงสร้างโอกาสเติบโตให้กับธุรกิจในยุคที่ต้องขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

“ความท้าทายของธุรกิจโรงพยาบาลคือ การที่ทุกอย่างดิสรัปท์หมด พฤติกรรมผู้บริโภคใช้เวลากับโลกออนไลน์มากขึ้น ธุรกิจหลายอย่างรอบตัวก็ถูกดิสรัปท์ ท้าทายให้เราต้องปรับตัว ซึ่งจากนี้จะวางตัวเองให้เป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมการเรียนรู้ที่สนับสนุนการเกิดนวัตกรรมภายในองค์กร” นายอัฐ กล่าว

ด้านนายภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการหลักสูตรเอ็มบีเอ ออนไลน์ กล่าวว่า แพลตฟอร์มที่ร่วมกันพัฒนานั้นเป็นการเรียนรู้แบบผสมผสานที่ใช้การเรียนในห้องเรียนร่วมกับการเรียนบนโลกออนไลน์แบบอี-เลิร์นนิ่ง ประกอบด้วย 4 หลักสูตรหรือ 4D คือ Disruptive Business Trend, Design Thinking, Digital Transformation และ Digital Business Canvas

แพลตฟอร์มนี้พัฒนาขึ้นจากแนวคิดที่ล้อกับผลการสำรวจของ Center for Creative Leadership พบว่า คนเรามีกระบวนการเรียนรู้ 3E ได้แก่ การเรียนตามมาตรฐาน (Education), การเรียนรู้จากประสบการณ์ (Experience) และการเรียนรู้ทางสังคม (Exposure) โดย 70% ของการเรียนรู้มาจากประสบการณ์ที่ได้ทำจริง อีก 20% มาจากการได้รับคำแนะนำ ความคิดเห็นจากเพื่อนร่วมงานและหัวหน้า อีก 10% มาจากการเรียนตามมาตรฐาน

รูปแบบการเรียนรู้จะผสมผสาน ทั้งการถอดรหัสประสบการณ์ทำงานในธุรกิจโรงพยาบาล การเรียนในห้องเรียนและการสร้างสังคมออนไลน์ เพื่อให้นำองค์ความรู้ที่เรียนมาใช้กับเวิร์คชอปในส่วนของอี-เลิร์นนิ่ง ที่จะนำมาพิชชิ่งตามโจทย์ในสถานการณ์จริง มีการบ้านออนไลน์ทึ่เปิดให้ผู้เรียนได้เห็นงานของเพื่อน สามารถแสดงความคิดเห็นหรือแนะนำ เพื่อให้เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้และแบ่งปัน