'ประวิตร' สั่งดันราคาปาล์มเกิน 3 บาท

'ประวิตร' สั่งดันราคาปาล์มเกิน 3 บาท

“ประวิตร” สั่ง พาณิชย์ อุตสาหกรรม พลังงานร่วมมือแก้ปัญหาปาล์มล้นตลาด รักษาระดับราคาผลปาล์มไม่ต่ำกว่า กก.ละ 3 บาท หนุนพลังงานใช้บี 20 ช่วยลดปริมาณปาล์มในสต็อก เผยสต๊อกน้ำมันปาล์มทะลุ 6 แสนตัน

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน เห็นชอบมาตรการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม มีเป้าหมายเพื่อรักษาสมดุลของราคาที่โรงสกัดรับซื้อผลปาล์มสดจากเกษตรกรไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 3บาท ซึ่งเป็นราคาที่รับซื้ออยู่ในปัจจุบัน

โดยที่ประชุมกำหนดให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปออกประกาศกำหนดให้โรงสกัดต้องมีมาตรฐานในการรับซื้อผลปาล์มสุก โดยโรงงานประเภท “เอ” ต้องรับซื้อผลปาล์มสด เปอร์เซ็นต์น้ำมันไม่ต่ำกว่า 18% ซึ่งเป็นการซื้อทั้งทลาย และโรงงานประเภท “บี” ที่ซื้อแบบแยกเมล็ดต้องมีเปอร์เซ็นต์น้ำมันไม่ต่ำกว่า 30%

สำหรับกระทรวงพลังงานให้ส่งเสริมการใช้นำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 สำหรับรถบรรทุกและรถขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าทั้งปีจะดูดซับน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) ได้ 250,000 ตัน มากเพียงพอที่จะช่วยดึงความต้องการใช้เพิ่มขึ้น ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะช่วยสนับสนุนค่าขนส่งให้ผู้ประกอบการที่ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกิน จากที่มีผลผลิตปาล์มดิบตลอดทั้งปีนี้ที่ 2.7 ล้านตัน

นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะเข้าไปส่งเสริมเกษตรกรตั้งแต่ต้นทางเพื่อให้ผลผลิตปาล์มออกมามีคุณภาพ ทั้งเรื่องปัจจัยการผลิต การให้ความรู้ วิธีการดูแล เพื่อให้ได้ผลปาล์มที่ให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงและส่งเสริมปลูกปาล์มน้ำมันพันธุ์ดี

ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้ติดตามการแก้ปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม โดยให้ประสานกรมศุลกากรเร่งแก้ปัญหาการกระทำที่ผิดกฎหมายในการถ่ายลำหรือผ่านแดนน้ำมันปาล์ม เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์ม และที่ประชุมได้หารือถึงการลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกร การพัฒนาคุณภาพปาล์มน้ำมัน ตามยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งชาติ

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานร่วมกันแสดงความจริงใจนำข้อเสนอของสภาเกษตรกรแห่งชาติและมติที่ประชุมไปเร่งรัดผลักดันขับเคลื่อน ร่วมกับยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งชาติทั้งระบบ บนฐานข้อมูลจริงที่ตรงกันทุกฝ่าย และขอให้คำนึงถึงประโยชน์ร่วมของทุกกลุ่มที่มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึงเป็นธรรม ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันและภาครัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบเกษตรและอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในภาพรวม

รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ระบุว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ประเมินผลปาล์มน้ำมันปีนี้จะออกสู่ตลาด 15 ล้านตัน คิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบ (18%) ราว 2.7 ล้านตันซีพีโอ แต่ความต้องการเพื่อบริโภคและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และไบโอดีเซล อยูที่ 2.4 ล้านตันซีพีโอ รวมกับสต๊อกเดิม และหักสต็อกปกติเพื่อความมั่นคงทางอาหาร ก็จะเหลือส่วนเกินประมาณ 6 แสนตัน โดยกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ ได้ประเมินขณะนี้มีปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มดิบอยู่ในโรงงานจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาผลผลิตปาล์มดิบลดลง จึงได้เร่งหาแนวทางการดำเนินการตามยุทธศาสตร์การปฏิรูปปาล์มน้ำมันทั้งระบบ

นอกจากนี้ เกษตรกรได้ตัดทลายปาล์มที่ยังไม่สุกไปจำหน่าย ทำให้อัตราการสกัดปาล์มน้ำมันดิบต่ำ ซึ่งทำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดมาตรการให้ชาวสวนตัดทลายปาล์มคุณภาพให้เป็นไปตามมาตรฐานสินค้าเกษตรทะลายปาล์มน้ำมัน (มกษ. 5702-2552) ซึ่งกำหนดคุณภาพทั่วไปของทะลายปาล์มตามที่เก็บเกี่ยวเพื่อจำหน่าย ทะลายปาล์มต้องมีลักษณะตรงตามพันธุ์ เป็นทะลายปาล์มสุก สด สะอาด ไม่มีความเสียหายจากศัตรูพืชที่มีผลกระทบต่อคุณภาพผลิตผล และ ความยาวของก้านทะลายไม่เกิน 5 เซนติเมตร