จับหนุ่มมือโทรขู่บึ้มสนามบินหาดใหญ่ อ้างล้อเล่น-ตร.แจ้งข้อหาหนัก

จับหนุ่มมือโทรขู่บึ้มสนามบินหาดใหญ่ อ้างล้อเล่น-ตร.แจ้งข้อหาหนัก

จับหนุ่มมือโทรขู่บึ้มสนามบินหาดใหญ่ เจ้าตัวอ้างแค่ล้อเล่น ตำรวจแจ้งข้อหาหนัก พบมีประวัติรักษาอาการทางประสาทมานาน 7 ปี

มื่อวันที่ 8 พ.ค.61 ตำรวจชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา นำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา จับกุม นายสุภาพ อายุ 28 ปีผู้ต้องหาที่ก่อเหตุโทรศัพท์ไปขู่วางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยตามไปจับกุมได้ที่บ้านพัก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช และควบคุมตัวมาสอบสวนที่กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลาเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมาสำหรับเหตุขู่วางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ โดยมีชายลึกลับโทรศัพท์ไปยังสนามบินหาดใหญ่ และพูดย้ำ 2 ครั้งว่า ระวังระเบิด ระวังระเบิด และวางสายไปสร้างความปั่นป่วนไปชั่วขณะเพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัย

แต่หลังจากเจ้าหน้าที่สนามบินหาดใหญ่ได้ตรวจสอบทั้งภายใน และภายนอกสนามบินก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ และเชื่อว่าเป็นเพียงการข่มขู่เท่านั้น จึงได้ไปแจ้งความไว้ที่สภ.คลองหอยโข่ง ซึ่งเรื่องนี้ทางพล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนกองกำกับการตำรวจภูธรจ.สสงขลา เร่งสืบสวนติดตามจับกุมผู้ที่โทรศัพท์มาสร้งความปั่นป่วนเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และสร้างความเสียหายให้กับสนามบินรวมทั้งสายการบินต่างๆ และเจ้าหน้าที่ได้ตามแกะรอยจากเบอร์โทรศัพท์มือถือที่โทรเข้ามาก็ทราบว่าเป็นเบอร์ของ นายสุภาพ จึงได้ขออนุมัติศาลจ.สงขลา ออกหมายจับ และตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักที่จ.นครศรีธรรมราช

จากการสอบสวน นายสุภาพ ยอมรับสารภาพ และบอกว่าแค่โทรศัพท์ไปล้อเล่นเท่านั้นไม่มีเจตนาที่จะขู่วางระเบิดจริง ไม่คิดว่าจะมีความผิด และมีอาการป่วยทางประสาทมา 7 ปี แม้จะเป็นเพียงการโทรศัพท์ขู่เล่น แต่ก็ถูกส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.คลองหอยโข่ง พื้นที่เกิดเหตุ และแจ้งดำเนินคดีในข้อหาหนักตามมาตรา 22 ผู้ใดแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสาร ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุหรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานหรือผู้ที่อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบินตื่นตกใจ ผู้กระทำต้องระวาง โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 แสนบาทถึงหกแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ