แฉมาเฟียตลาดฉาว'ดอนเมือง' กับเหตุผลอันเจ็บปวด ทำไมต้องจ่ายค่าคุ้มครอง?

แฉมาเฟียตลาดฉาว'ดอนเมือง' กับเหตุผลอันเจ็บปวด ทำไมต้องจ่ายค่าคุ้มครอง?

"แม่ค้า" แฉ "มาเฟีย" ไม่กลัวตร.-นักข่าว เดินวุ่นเต็มตลาดฉาว "ดอนเมือง" ชี้เหตุผลอันเจ็บปวด ทำไมต้องจ่ายค่าคุ้มครอง?

ปฏิบัติการกวาดล้างสินค้าผิดกฎหมายของตำรวจ องค์การอาหารและยา (อย.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และสำนักงานเขตดอนเมือง ที่เกิดขึ้นในตลาดฉาวแห่งหนึ่ง เขตดอนเมือง ตั้งแต่วันที่ 2 - 6 พ.ค. ที่ผ่านมา จนกลายเป็นข่าวดัง และสามารถยึดสินค้าผิดกฎหมาย ไม่มี อย. ได้กว่า 300,000 ชิ้น ทำให้เมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 พ.ค. ที่ผ่านมา ห้องแถวในโซนตลาดแอร์พอร์ต ต้องปิดร้าน ส่วนพ่อค้าแม่ค้านั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างเงียบๆ และเมื่อผู้สื่อข่าวถ่ายภาพตลาด กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าก็จะแยกย้ายกันไป

แม่ค้ารายหนึ่ง เปิดเผยกับทีมข่าวเนชั่นทีวี โดยยอมรับว่า ผลการตรวจค้นครั้งนี้ได้รับผลกระทบอย่างมาก ทั้งคนซื้อและคนขายต่างหวาดกลัว แม่ค้าไม่กล้าเปิดร้าน ส่วนลูกค้ามีทั้งซื้อไปขายต่อหรือซื้อไปใช้เองก็ไม่กล้ามาซื้อ เพราะตำรวจเดินเต็มตลาดไปหมด
               

แม่ค้าคนเดียวกันไม่ให้ทีมข่าวบันทึกภาพ แต่ยอมพูดเปิดอกว่า สินค้าที่วางขายแทบทุกร้านไม่มีสินค้าถูกกฎหมาย 100% อยู่ที่ว่าวางขายปะปนมากหรือน้อย และยอมรับว่า ทุกเดือนนอกจากค่าเช่าแล้ว ยังต้องจ่ายส่วย จ่ายค่าคุ้มครอง เพื่อมิให้โดนตรวจค้นหรือจับกุม
“ไม่มีร้านไหนขายของถูกกฎหมาย 100% ก็ต้องยอมจ่ายให้เขา ถามว่าเมืองไทยมีอาชีพค้าขายไหนที่ไม่มีการส่วยให้เจ้าหน้าที่”
               

แม่ค้าคนเดียวกัน ไม่ยอมบอกว่า ทุกเดือนจ่ายเงินให้ใคร หรือจ่ายด้วยวิธีไหน บอกว่า บอกไปแล้วใครรับประกันความปลอดภัย นักข่าวมาสัมภาษณ์แล้วก็ไป ตำรวจบอกมาคุ้มครอง 30 วัน เดี๋ยวก็ไป แต่พวกแม่ค้ายังต้องฝากชีวิตไว้ที่นี่ ค้าขายอยู่ที่นี่ ไม่มีทางย้ายไปที่อื่น พร้อมชี้ไปที่กลุ่มชายฉกรรจ์ที่เดินปะปนอยู่กับกลุ่มแม่ค้าพ่อค้า พร้อมบอกว่า “ดูสิว่าพวกเขากลัวนักข่าว กลัวตำรวจไหม”
               

ขณะที่แม่ค้าอีกคน ยืนยันว่า แม่ค้าที่นี่จ่ายส่วยทุกเดือน ร้านไหนทำสัญญาเช่าที่กับบริษัท จ่ายเดือนละ 500 - 3,000 บาท แต่ถ้าเป็นร้านค้าเช่าที่โดยตรงกับกรมธนารักษ์ ซึ่งมีไม่มาก จ่ายค่าส่วยหลักหมื่นต่อเดือน และคนมาเก็บส่วยก็เดินเฝ้าคอยดูแลตลาดอยู่ทุกๆ วัน แม้ในวันที่ตำรวจเข้าค้น
               

ทั้งนี้ เมื่อคำนวณจากเงินจ่ายส่วยเฉลี่ย 3,000 บาทต่อร้าน คูณด้วยจำนวนห้องเช่า 500 ห้อง ตกอยู่ที่เดือนละ 1,500,000 บาท หรือ 18,000,000 บาทต่อปี