เสียชื่อ! ตร.อุ้มรีดทรัพย์ สั่งล่า 'ร.ต.อ.-ด.ต.-ส.ต.อ.' แก๊งสีกากีฉาว

เสียชื่อ! ตร.อุ้มรีดทรัพย์ สั่งล่า 'ร.ต.อ.-ด.ต.-ส.ต.อ.' แก๊งสีกากีฉาว

ลั่นฟันไม่เลี้ยง เหตุเสียชื่อตำรวจ เอี่ยวคดีอุ้มรีดทรัพย์ปชช. สั่งล่า "ร.ต.อ.-ด.ต.-ส.ต.อ." แก๊งสีกากีนอกแถว เผยรวบได้แล้ว 1 ส่วนอีก 6 ราย ชุดสืบสวนกำลังลุยติดตาม

จากกรณี 4 ผู้เสียหายได้เดินทางเข้าแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คูคต จ.ปทุมธานี ว่าถูกชายฉกรรจ์ 5 คน อ้างตัวว่าเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด บุกเข้ามาในบ้านพัก ย่านต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พร้อมกับนำตัวไปรีดทรัพย์สิน ซึ่งต่อมาชุดสืบสวนได้ตรวจสอบพบว่า แก๊งอุ้มรีดดังกล่าว มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล รวมอยู่ในแก๊งดังกล่าวด้วย อาทิ ร.ต.อ.เฉลิมชัย สุติบุตร รอง สว.สส.สน.พลับพลาไชย 2 และ ด.ต.สมบัติ สนั่นเอื้อ ผบ.หมู่งานสืบสวน สน.ประเวศ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ส.ต.อ. สังกัด สน.ประเวศ และพลเรือนอีก 4 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 เม.ย. เวลาประมาณ 01.30 น. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) - วันนี้ (3พ.ค.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีกลุ่มคนร้ายร่วมกันปล้นทรัพย์ บุกรุก และหน่วงเหนี่ยวกักขังเพื่อรีดเอาทรัพย์ กับผู้เสียหาย เหตุเกิดในท้องที่ สภ.คูคต จ. ปทุมธานี ว่า เรื่องนี้ได้รับรายงานความคืบหน้าจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี เพิ่มเติมว่า หลังจากที่ พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 ได้ประชุมชุดคณะทำงานสืบสวนสอบสวน และเร่งรัดการทำงาน โดยในขณะนี้มีความคืบหน้าทางคดีเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนวันที่ 2 พ.ค. 61 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน และยื่นคำร้องขอหมายจับต่อศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มเติมอีก 2 คน เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นาย และพลเรือนอีก 1 คน ในข้อหา “ปล้นทรัพย์โดยแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม , ร่วมกันบุกรุกในเวลากลางคืน , ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต และร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวและโดยไม่มีเหตุอันสมควร “ รวมแล้วในคดีนี้ ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด จำนวน 7 คน ขณะนี้สามารถติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 1 คน ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คนที่เหลือ ยังอยู่ในระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

รองโฆษก ตร. กล่าวด้วยว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานมาโดยตลอด ในทางคดีนั้น ถือว่ามีความคืบหน้าไปมาก จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาที่กระทำความผิดได้ทุกคนแล้ว ที่ผ่านมา พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีด้วยความรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม โดยให้ยึดถือตามพยานหลักฐาน และต้องติดตามจับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ ในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ร่วมกระทำผิดในครั้งนี้ ให้ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ซึ่งท่าน ผบ.ตร. ได้กำชับให้ข้าราชการตำรวจทุกนายปฏิบัติตนอยู่ในกรอบกฎหมาย ระเบียบวินัย และข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ไม่เป็นผู้กระทำผิดเสียเอง

“พฤติกรรมการเรียกรับทรัพย์สิน เพื่อช่วยเหลือผู้กระทำความผิด เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ทำให้เสื่อมเสียต่อชื่อเสียงขององค์กร และสร้างความเสียหายให้แก่พี่น้องประชาชน และขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ฯ จะดำเนินการกับข้าราชการตำรวจที่กระทำผิดกฎหมาย ประพฤติปฏิบัติตนนอกแถว ทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาดและให้ถึงที่สุด” รอง โฆษก ตร. กล่าว