'วิลาศ' จ่อยื่น 'ป.ป.ช.' สอบปมไม่สั่งฟ้องรถหรูเลี่ยงภาษี

'วิลาศ' จ่อยื่น 'ป.ป.ช.' สอบปมไม่สั่งฟ้องรถหรูเลี่ยงภาษี

"วิลาศ" จ่อ ยื่น "ป.ป.ช." สอบ "จนท.กรมศุลฯ-ดีเอสไอ-อัยการ" ไม่สั่งฟ้องบริษัทนำเข้ารถหรูเลี่ยงภาษี 554 คัน

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณีการนำเข้ารถหรู แต่การภาษีนำเข้านั้น 0 เปอร์เซ็นต์ ว่า ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ ตนจะยื่นหนังสือต่อ คณะกรรมการป.ป.ช. ให้ตรวจสอบกระบวนการสอบสวนกรณีรถหรูเลี่ยงภาษีเนื่องจากเห็นว่าทางเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร, ดีเอสไอ และอัยการที่สั่งไม่ฟ้องเป็นกระบวนการตรวจสอบที่ไม่ถูกต้องและอาจมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องกรณีมี การนำรถเข้ามา 190 ใบขน จำนวน 554 คัน โดยมีการหลีกเลี่ยงภาษีจากช่องว่างของระเบียบใช้วิธีการสำแดงว่าเป็นรถ 11 ที่นั่งแต่นำเข้ารถ 2 ที่นั่งและมีการประกอบเป็นรถยนต์ 7 ที่นั่ง ในพื้นที่เขตปลอดอากร เพื่อใช้สิทธิ์ไม่เสียภาษีอากร นำเข้า 40เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากตามประกาศกรมศุลกากรที่ 72/2550 เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 50 ระบุว่า รถยนต์ที่ประกอบหรือดัดแปลงจากวัสดุภายในประเทศเกิน 40 เปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องเสียภาษีอากรนำเข้า ทำให้รัฐเสียรายได้กว่า 2 พันล้านบาท แต่กรมศุลกากรกับอ้างว่าตรวจสอบเฉพาะเอกสารไม่ได้ดูข้อเท็จจริง ขณะที่ดีเอสไอ และอัยการก็ไม่ฟ้องจึงเห็นว่ากระบวนการตรวจสอบมีปัญหา ทั้งนี้ นอกจากยื่นป.ป.ช.แล้วกำลังพิจารณาด้วยว่า จะยื่นคำร้องถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เพื่อให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยหรือไม่

นายวิลาศ กล่าวว่า ตนได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและกรมศุลกากรที่ไม่เห็นด้วยกับการตรวจสอบดังกล่าว และเรื่องนี้เป็นคดีความมีคนไปร้องดีเอสไอตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.52 จากนั้นดีเอสไอมีการตั้งกรรมการสอบถึง4ครั้ง รับเป็นคดีพิเศษที่ 10/54 ในช่วงเดือนธ.ค.53 แต่ต่อมามีการสั่งยกฟ้องในวันที่ 8 ธ.ค.60 ทั้งที่มีพิรุธในหลายเรื่อง โดยขอตั้งข้อสังเกต ดังนี้ 1. ไม่มีการนำวัตถุดิบไปผ่านกระบวนการผลิตที่ทำให้เห็นว่าเป็นกระบวนการผลิตที่ยาก เพราะยกมาติดตั้ง อีกทั้งกระบวนการไม่ใช่ผลิตอย่างง่ายตามที่ระเบียบกำหนด ต้องให้หน่วยงานรัฐรับรองเช่น สถาบันยานยนต์ จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทไม่เคยขอให้รับรองกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญของรถยนต์ตู้เลย แต่ในรายงานของดีเอสไอระบุว่ามี 20 กว่าเรื่องที่ให้สถาบันยานยนต์รับรอง จึงสงสัยว่าที่ดีเอสไอบอกว่ามีหนังสือรับรองป็นหนังสือรับรองเรื่องอะไร 2.ราคาการผลิตที่อ้างว่า 40 เปอร์เซ็นต์ เพื่อเลี่ยงภาษี คิดว่าน่าจะเป็นราคาที่ฉ้อฉลกำหนดราคาแพงเกินจริง เช่น บางรายการไม่ควรนำมาเป็นค่าวัสดุ คือกำไรแต่กลับนำมาคิดเป็นค่าวัสดุซึ่งไม่ถูกต้อง

3. การที่กรมศุลกากรอ้างว่าไม่ได้ดูข้อเท็จริงตรวจจากเอกสารเท่านั้น เป็นพฤติกรรมเอาตัวรอดหรือไม่ 4. กรมศุลกากร ดีเอสไอ อัยการและกรมการขนส่ง ไม่ทราบเลยหรือว่า การทำอย่างนี้ทำให้รัฐเสียหายขาดรายได้เท่าไหร่ และที่สั่งไม่ฟ้องโดยอ้างว่าบริษัทไทยยานยนต์กับบริษัท คิงส์ตัน ร่วมกันทำวิจัยโดยใช้เทคโนโลยีในการออกแบบเพื่อให้ได้มาตรฐานสากล มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกระบวนการผลิตถือว่ามีสาระสำคัญไม่ใช่กระบวนการผลิตอย่างง่ายนั้น อยากฝากถามถึงผู้เกี่ยวข้องว่า ไม่ทราบหรือว่าสองบริษัทนี้เป็นบริษัทเดียวกัน ใช้ที่อยู่เดียวกัน และที่บอกว่าใช้เทคโนโลยีชั้นสูงคืออะไร เพราะเป็นการจ้างผลิตธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งมีข้อน่าสังเกตว่าระหว่างที่คดีนี้อยู่ในขั้นตอนการสอบสวน กลับมีการขออนุญาตตั้งเขตปลอดอากรใหม่ และได้รับอนุมัตเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.54 ทั้งที่ยังเป็นคดีค้างอยู่ ทำให้สงสัยว่าเป็นเพราะรู้เป็นการภายในว่าจะรอดใช่หรือไม่

"รถโฟล์คตู้ไม่เสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว ราคานำเข้า 1.2 ล้านบาทเศษ แต่ขาย 3 ล้านบาทเศษ ที่น่าสังเกตคือเวลาซื้อรถโฟล์คตู้ ออกบิลใบหนึ่งเป็นค่ารถ อีกใบหนึ่งป็นค่าตกแต่งอุปกรณ์ ไม่ทราบว่าที่ทำแบบนี้เพราะต้องการเลี่ยงการถูกฟ้องว่าผู้ซื้อเป็นคนจ้างตกแต่งไม่เกี่ยวกับบริษัทหรือไม่ เพราะธรรมดาซื้อรถก็มีบิลเดียว จึงทำให้เกิดความสงสัย" นายวิลาศ กล่าว 

นายวิลาศ กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องรัฐเสียรายได้จากภาษีนำเข้าแล้วยังกระทบภาษีป้ายด้วย เพราะกฎหมายเขียนว่ารถ 11 ที่นั่งป้ายทะเบียนจะเป็นพื้นขาวตัวหนังสือสีฟ้า เสียภาษีป้าย 1,900 บาท รถ 7 ที่นั่งพื้นสีขาวตัวหนังสือสีดำ เสียภาษีป้ายตามซีซีของรถประมาณ 4,000-8,000 บาทต่อปี แต่เมื่อมีการดัดแปลงรถโดยสำแดงว่าเป็นรถ 11 ที่นั่ง ทั้งที่เป็นรถ 7 ที่นั่งก็จะเสียภาษีน้อยลง ทำให้รัฐเสียหายจำนวนมาก