พุดดิ้งเติมพลัง โภชนาการจากหิ้งสู่ห้าง

พุดดิ้งเติมพลัง  โภชนาการจากหิ้งสู่ห้าง

“พุดดิ้งเสริมโภชนาการ” นวัตกรรมอาหารเติมฟังก์ชั่นจากความร่วมมือระหว่างธุรกิจเอกชนกับสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล เจาะตลาดผู้สูงอายุและผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ เดินหน้ารุกตลาดเร่งโตในปี 2561 พร้อมนำร่องส่งขายฮ่องกง

ล่าสุดได้รับรางวัลเซเว่น อินโนเวชั่น อวอร์ดส์ ประจำปี 2018 ประเภท Creator Awards รางวัลนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ โดยสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 1.5 ล้านบาทในปีแรกที่เปิดตัว 2560 ช่วยให้ผลงานวิจัยในรั้วมหาวิทยาลัยสามารถพัฒนาต่อยอดจากหิ้งสู่ห้างได้อย่างเป็นรูปธรรม

วิจัยตอบเทรนด์สุขภาพ

ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของคนเมืองที่เร่งรีบของคนกรุงได้จุดประกายให้ “บวร วิเชียรสินธุ์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิชไวย์ กรุ๊ป จำกัด มองหาตัวช่วยที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบในบรรจุภัณฑ์เล็กๆ พกพาสะดวกและรับประทานได้ง่าย สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคหลายกลุ่ม และตอบความต้องการได้ทั้งตลาดไทยและตลาดต่างประเทศ

เขานำโจทย์เข้าหารือสถาบันโภชนาการ กระทั่งเกิดเป็นความร่วมมือคิดค้นพัฒนาสูตรซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปี เกิดเป็นพุดดิ้งพร้อมรับประทาน หรือ Quick Boost Pudding ซึ่งเป็นทั้งอาหารว่าง อาหารเสริมและอาหารทดแทน โดยมีส่วนผสมธรรมชาติที่เน้นผลไม้ตามฤดูกาลและการผลิตถูกหลักโภชนาการทั้งทั้งจีเอ็มพี อย. ฮาลาลและบีอาร์ซีฟู้ด (มาตรฐานการผลิตอาหารที่ดีจากสมาคมผู้ค้าปลีกแห่งอังกฤษ)

คณะวิจัยพัฒนาสูตรพุดดิ้งให้มีความโดดเด่นโดยเน้นความครบถ้วนของ 5 สารอาหารหลัก ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินและเกลือแร่ รวมถึงวิตามินจำเป็น ได้แก่ บี1, บี2, บี6, บี12 และโฟเลต ปราศจากกลูเตน และสารกันบูด ผงชูรสและสิ่งเจือปนอื่นๆ พร้อมบรรจุภัณฑ์แบบถุงเพาช์ เก็บได้นาน 1 ปีโดยไม่ต้องแช่เย็น

"จุดแข็งของเราคือ ความใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน จึงวางสถานะของแบรนด์เป็น “นวัตกรรมด้านโภชนาการอาหาร” บวร กล่าวและว่า แบรนด์ “เทสต์แอนไทม์” (Taste'n Time) เปิดตัวในงานแสดงสินค้าอาหารปี 2560 (THAIFEX-World of Food Asia 2017) เริ่มจากรสเอสเปรสโซ รสทุเรียนและรสสตรอว์เบอร์รี่ โดยในปีนี้ทำยอดขายได้ประมาณ 1.5 ล้านบาท

ขณะเดียวกันก็เป็นความท้าทาย เริ่มจากตัวผลิตภัณฑ์ที่ต้องให้สารอาหารครบถ้วน ในขนาดที่พอเหมาะ ตามมาด้วยความใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ต้องสื่อสารกับผู้บริโภคผ่านการออกบูธพบปะกลุ่มเป้าหมายโดยตรง และช่องทางออนไลน์ต่างๆ

“กลุ่มเป้าหมายของพุดดิ้งเทสต์แอนไทม์ มีทั้งผู้สูงอายุ ผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและผู้บริโภคทั่วไปที่ต้องการคุณค่าทางโภชนาการที่ครบครัน และ “พร้อมทำทุกกิจกรรม” ได้ในคราวเดียว ในช่วงแรกตลาดยังไม่เข้าใจในสินค้าของเรา จึงต้องใช้ทุกอย่างเพื่อสื่อสาร รวมถึงการปรับบรรจุภัณฑ์ที่สื่อให้เห็นรสชาติที่ชัดเจน ทำให้เข้าใจง่าย”

เปิดตลาดไทยรุกตลาดนอก

หลังจากเปิดตัวปี 2560 เริ่มทำตลาดในประเทศ ควบคู่กับเน้นให้ข้อมูลตัวผลิตภัณฑ์และแบรนด์ ในปี 2561 จะมุ่งการตลาดที่จริงจังขึ้น โดยวางเซกเมนต์ของกลุ่มลูกค้าที่ชัดเจน พร้อมขยายช่องทางกระจายสินค้าออกไปในซูเปอร์มาร์เก็ตรวมถึงช่องทางออนไลน์ ในสัดส่วน 50 : 50 คาดหวังว่าปีนี้จะมีการเติบโตอย่างชัดเจน

รวมถึงเดินหน้าพัฒนาสูตรใหม่ 2 สูตร ได้แก่ พุดดิ้งนมรสช็อคโกแลตสูตรเสริมเวย์โปรตีน และพุดดิ้งนมถั่วเหลืองรสงาดำผสมโปรตีนจากถั่วลันเตา เพื่อให้เป็นทางเลือกที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภค

ขณะที่ตลาดต่างประเทศนั้น บวร กล่าวว่า เป็นช่วงของการเริ่มต้นจะนำร่องที่ฮ่องกง ซึ่งอยู่ระหว่างส่งตัวอย่างไปทดลองตลาดและยังเล็งอีกหลายประเทศที่มีความคล้ายไทยคือ เป็นสังคมเมืองหรือมีไลฟ์สไตล์รีบเร่ง และใส่ใจสุขภาพ ต้องการอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบ

“แน่นอนว่า ตลาดอาหารทางเลือกมีคู่แข่งจำนวนมากทั้งรายใหญ่รายย่อย แต่สำหรับเทสต์แอนไทม์มีจุดเด่นในความเป็นนวัตกรรมที่มาจากการทำวิจัย และยังไม่มีคู่แข่งโดยตรงที่ทำสินค้ารูปแบบเดียวกันนี้ แต่เราจะไม่หยุดนิ่ง จะพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อยืนหยัดความเป็นแบรนด์นวัตกรรมด้านโภชนาการอาหาร” บวร กล่าว