'สุดารัตน์' บอก 'ประยุทธ์' หากจะลงการเมือง อย่าเอาเปรียบคู่แข่ง

'สุดารัตน์' บอก 'ประยุทธ์' หากจะลงการเมือง อย่าเอาเปรียบคู่แข่ง

"สุดารัตน์" บอก "ประยุทธ์" แสดงความเป็นสุภาพบุรุษ หากจะลงการเมือง อย่าเอาเปรียบคู่แข่ง หลังมีท่าทีชัดเจนอยากสืบทอดอำนาจยาว

เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2561 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งแกนนำพรรคพลังชลร่วมเป็นที่ปรึกษาในรัฐบาล ว่า เป็นความชัดเจนที่พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการเข้าสู่การเมืองและปรารถนาอยากเป็นนายกฯ ต่อเพื่อสืบทอดอำนาจให้ยาวนานที่สุด ทั้งการเลื่อนเลือกตั้ง หากเลื่อนเลือกตั้งไม่ได้ จะหาวิธีเพื่อให้ได้เปรียบในการเลือกตั้งมากที่สุด ส่วนอนาคตพรรคเพื่อไทยจะร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังชลได้อีกหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบว่าอะไรเป็นอะไร แต่ที่ทราบแน่ชัดคือ พลังชลคงร่วมมือกับพล.อ.ประยุทธ์ แล้ว

คสช. มีอำนาจทำได้ทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขาทำ ทั้งการแต่งตั้ง ส.ว 250 คนให้มีสิทธิโหวตนายกฯ และทำได้อีกหลายเรื่อง เท่ากับสิทธิของ ส.ส. ซึ่งเป็นบุคคลที่ประชาชนเลือกเข้ามาทำหน้าที่ ถือเป็นสิ่งที่ทำให้กติกาบิดเบี้ยว และบิดเบือนกลไกประชาธิปไตยที่แท้จริง ดังนั้นสิ่งที่สะท้อนต่อเรื่องนี้ คือ การเข้าสู่ประชาธิปไตยไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะไม่สะท้อนความต้องการของประชาชน และ หากผู้มีอำนาจที่อยากกลับเข้าสู่การเมือง เชื่อว่าทุกพรรคยินดี หากเขาแสดงตัวให้ชัดเจน และใช้วิธีที่ตรงไปตรงมา ดังนั้นเมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จะเข้ามา ขอให้แสดงตัวว่าจะตรงไหน เพื่อให้การกลับเข้ามามีความสง่างามผ่านการตัดสินใจเลือกของประชาชน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า สมัยของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง จะไม่ทำหรือสร้างความได้เปรียบกับคู่แข่งทางการเมือง แต่สิ่งที่รัฐบาลปัจจุบันทำ ตนขอตั้งคำถามว่า การจัดงบประมาณ และใช้อำนาจทางกฎหมาย ถูกใช้เพื่อปูฐานเสียง เพื่อเอาเปรียบคู่แข่งทางการเมืองหรือไม่ โดยรัฐบาลปัจจุบัน มีอำนาจ และมาตรา 44 ห้ามพรรคการเมืองทุกพรรคเคลื่อนไหว แต่รัฐบาลกลับทำได้ทุกอย่าง ทั้งใช้งบประมาณและกลไกของรัฐทั้งหมดทำฝ่ายเดียว ถือเป็นการเอาเปรียบทุกมิติ ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม หากเงินนับล้านล้านบาทที่ลงสู่ประชาชนสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ถือเป็นเรื่องที่พอสนับสนุนกันได้ แต่ปรากฎว่าเศรษฐกิจฐานรากไม่ถูกกระตุ้น ดังนั้นจึงกลายเป็นว่าเขาทำเพื่อคะแนนเสียงอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงผลว่าทำได้จริงหรือไม่

แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวด้วยว่าตนขอให้ไปสอบถามจาก พล.อ.ประยุทธ์ ด้วยตนเองว่า ที่เขาพูดตอนหนึ่งว่าไม่อยากเป็นนายกฯ แต่กตอนหลังพูดว่าจะเล่นการเมือง นั้น คือการกลืนน้ำลายหรือกลับคำหรือไม่ แต่สิ่งที่นายกฯ แสดงเจตนาไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากหัวหน้า คสช. ตัดสินใจแล้ว ควรเปิดเผยความตั้งใจ วิธีการ ว่าจะอยู่พรรคไหน ให้พรรคไหนสนับสนุน โดยทำด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ทั้งนี้ตนมองว่าหากเลือกใช้วิธีแอบซ่อน หรือ ลับ ลวง พราง ใช้อำนาจกดหัวบุคคลอื่น และสร้างเงื่อนไขเอาเปรียบ เพื่อสร้างประโยชน์ให้ตัวเองฝ่ายเดียว อาจถูกตั้งคำถามจากสังคมได้

ผู้สือข่าวถามว่ากรณีที่ คสช. ดึงพรรคขนาดกลางขนาดเล็กไปร่วมด้วย จะทำให้พรรคเพื่อไทยรวมเสียงตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งยากหรือไม่ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป้าหมายของพรรคการเมืองคือนำเสนอแก้ปัญหาให้ประชาชน เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจวันเลือกตั้ง และเมื่อประชาชนตัดสินแล้วทุกพรรคต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน ไม่ว่าแพ้หรือชนะต้องยอมรับ หากไม่ยอมรับอาจเกิดวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมาได้ ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยพร้อมเคารพการตัดสินของประชาชน ส่วนใครจะใช้อำนาจ ลับ ลวง พราง ถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษตามวิถีสุภาพชน

แกนนำพรรคเพื่อไทย กลุ่มกทม. กล่าวถึงกระแสการดึงอดีต ส.ส.ย้ายสังกัดใหม่ ว่า ตนตัดสินใจหรือตอบแทนอดีต ส.ส.ไม่ได้ แต่เท่าที่ตนพูดคุย ได้รับคำตอบที่มั่นใจได้ว่า คนที่ร่วมทำงานในกลุ่มคือ ผู้มีอุดมการณ์และเป้าหมายการทำงานเพื่อประชาชนจึงเลือกอยู่พรรคเพื่อไทย

เมื่อถามถึงความมั่นใจการเลือกตั้งในเดือนก.พ. ปี 2562 คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวสั้นๆ ว่า ไม่คิดว่าจะเลือกตั้งเร็ว เพราะดูวิธีปฏิบัติของเขาแล้ว เขาไม่อยากให้มีการเลือกตั้งเร็ว