หุ้นกลุ่มแบงก์-ขัดแย้งซีเรียฉุดดาวโจนส์ร่วงกว่า100จุด

ทั้งนี้ ราคาหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ที่ถือเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐในแง่สินทรัพย์ ร่วลง 2.7% หลังจากธนาคารประกาศกำไรรายไตรมาสเพิ่มขึ้นแต่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักลงทุนในตลาด ส่วนราคาหุ้นของเวลลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 3.4% หลังจากธนาคารระบุว่าอาจจะต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1,000 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติการสอบสวนในข้อกล่าวหาต่างๆ และซิตี้กรุ๊ป ราคาหุ้นร่วงลงไป 1.6%แม้ว่าธนาคารจะทำกำไรได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

เวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค  มีผลกำไรไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 5.5% แตะ 5.94 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.12 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.06 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ขณะที่รายได้ลดลงสู่ระดับ 2.19 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ดีกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 2.17 หมื่นล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม เวลส์ ฟาร์โก เตือนว่า ผลประกอบการดังกล่าวเป็นตัวเลขประมาณการเบื้องต้น และอาจมีการเปลี่ยนแปลง โดยขึ้นอยู่กับผลของการเจรจาความ 1 พันล้านดอลลาร์ กับหน่วยงานกำกับดูแล ซึ่งรวมถึงสำนักงานคุ้มครองด้านการเงินของผู้บริโภคสหรัฐ (ซีเอฟพีบี) จากกรณีอื้อฉาวที่พนักงานของธนาคารเปิดบัญชีลูกค้าปลอมเป็นจำนวนหลายล้านบัญชีเพื่อให้สามารถบรรลุเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคาร

ด้านเจพีมอร์แกน เชส มีรายได้สุทธิ 8.7 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อนหน้านี้ 

ขณะที่ซิตี้กรุ๊ป อิงค์ มีผลกำไรอยู่ที่ 4.62 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 13% จาก 4.09 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว โดยกำไรต่อหุ้นอยู่ที 1.68 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 1.61 ดอลลาร์ต่อหุ้น

ด้านรายได้อยู่ที่ 1.887 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% จาก 1.837 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว และสอดคล้องใกล้เคียงกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 1.886 หมื่นล้าน

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลง 122.91 จุดหรือ 0.5 % ปิดที่ 24,360.14 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  ร่วงลง 7.69 จุดหรือ 0.29% ปิดที่ 2,656.3  จุดและดัชนีแนสแด็ก ลบ 33.60 จุด หรือ 0.47% ปิดที่ 7,106.65 จุด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ในซีเรียและความเคลื่อนไหวทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด