สคร.ตั้งไฟแนนเชียลเทค ทำบิ๊กดาต้าขายแบงก์รัฐ

สคร.ตั้งไฟแนนเชียลเทค ทำบิ๊กดาต้าขายแบงก์รัฐ

สคร.ต่อยอดพัฒนาระบบ “บิ๊กดาต้า” เล็งตั้ง “ไฟแนนเชียล เทค” ขายข้อมูลให้แบงก์รัฐที่เข้ามาใช้ฐานข้อมูลของลูกค้า พร้อมให้ลูกค้าเข้ามาใช้ฐานข้อมูลฟรีบนแพลตฟอร์มดังกล่าว

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า สคร.เตรียมจัดตั้งบริษัทไฟแนนเชียลเทค (Financial Tech) เพื่อจัดทำและขายข้อมูลแบงก์รัฐให้แก่แบงก์รัฐที่ต้องการเข้ามาใช้ข้อมูลต่างๆ โดยการนำข้อมูลของแบงก์รัฐมาบริหารจัดการถือเป็นหนึ่งในแนวทางการบริหารจัดการระบบข้อมูลที่เรียกว่าบิ๊กดาต้า การที่ธนาคารรัฐต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อข้อมูล ทั้งที่เป็นข้อมูลของธนาคารรัฐนั้น เนื่องจาก เมื่อเราได้ข้อมูลของแบงก์รัฐทั้งหมดมาแล้ว จะต้องนำไปวิเคราะห์ด้วยระบบบิ๊กดาต้า เพื่อให้เป็นข้อมูลที่ผ่านการวิเคราะห์ ไม่ใช่เป็นข้อมูลดิบ เช่น สามารถวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงการให้สินเชื่อ เป็นต้น สำหรับกรณีลูกค้าที่จะมาใช้บริการของข้อมูล บนแพลตฟอร์มของบิ๊กดาต้าดังกล่าวนั้น ลูกค้าจะไม่ต้องเสียค่าบริการใดๆ เพราะเราได้คิดค่าบริการจากแบงก์รัฐไปแล้ว

นายเอกนิติ กล่าวว่า แพลตฟอร์มดังกล่าว จะสามารถตอบโจทย์ได้ว่า ปัจจุบันลูกค้าที่เป็น SMEs อยู่ที่ไหนบ้าง และเมื่อเชื่อมโยงข้อมูลของเอสเอ็มอีแบงก์ กับ สสว. ก็จะให้สามารถทราบได้เลยว่า SME หนึ่งคนนั้น ตอนนี้ใช้บริการสินเชื่ออยู่กับแบงก์รัฐไหนบ้าง และเป็น NPL เท่าไหร่ หรือต้องการความช่วยเหลืออะไรบ้าง รวมถึง เคยถูกปฏิเสธสินเชื่อ เพราะเหตุผลใด ซึ่ง Platform นี้จะช่วยให้ SMEs รายเล็กๆ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ ในอนาคต เมื่อมีการเชื่อมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลในระบบ Big Data แล้ว ผู้ประกอบการขนาดเล็ก ไม่ต้องกังวลว่า การขอสินเชื่อจากแบงก์รัฐ จำเป็นต้องรู้จักกับผู้จัดการสาขา เพื่อให้การขอสินเชื่อง่ายขึ้น เพราะเพียงแค่กรอกข้อมูลใน platform เช่น เป็นผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ มีคำสั่งซื้ออยู่แล้ว ต้องการสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการส่งออก ก็จะมีข้อมูลของแบงก์รัฐที่จะให้การสนับสนุน ขึ้นมาบน Platform นั้น ในระยะต่อไปของการพัฒนาระบบ Big data ของแบงก์รัฐ คือ การให้ Score หรือคะแนน ในการประเมินสินเชื่อนั้น นอกจากดูข้อมูลด้านกิจการและสถานะการเงินแล้ว ยังจะสามารถวิเคราะห์ลึกลงไปถึงข้อมูลที่ไม่ใช่ตัวเอง เช่น การฝึกอบรม หรือการตอบข้อสอบของผู้ประกอบการรายนั้นๆ เพื่อให้เข้าใจพฤติกรรมของลูกค้ารายนั้นได้มากขึ้น ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ จะสามารถทำต้นแบบของการเชื่อมโยงข้อมูลแบงก์รัฐ เพื่อเสนอให้ กระทรวงการคลัง และ ครม.อนุมัติต่อไป ซึ่งตนในฐานประธานเครดิตบูโร ก็จะนำข้อมูลแบงก์รัฐเหล่านั้น เข้าเชื่อมต่อกับเครดิตบูโรด้วย