4 ชาติลุ่มน้ำโขง หนุนออกกฎใช้น้ำร่วม

4 ชาติลุ่มน้ำโขง หนุนออกกฎใช้น้ำร่วม

4 ชาติสมาชิกกลุ่มลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เห็นพ้องเดินหน้าผลักดันให้ออกกฎ-ระเบียบปฏิบัติ ในการใช้แม่น้ำโขงร่วมกัน หวังลดปัญหาขัดแย้งระหว่างกัน ขณะผู้นำส่วนใหญ่เลี่ยงพูดถึงผลกระทบจากการสร้างเขื่อน

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ครั้งที่ 3 ที่เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีผู้นำกัมพูชา ลาว เวียดนาม และรัฐมนตรีจากประเทศคู่เจรจา ได้แก่ จีนและเมียนมา พร้อมด้วยผู้แทนรัฐบาลประเทศหุ้นส่วนการพัฒนาและองค์การระหว่างประเทศเข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ ได้มีการแสดงจุดยืนและรับรองปฏิญญาเสียมราฐ 2561 ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์เชิงนโยบายของประเทศสมาชิก ในการมุ่งเน้นความร่วมมือพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน 2538 และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ เพิ่มพูนความร่วมมือกับประเทศในลุ่มน้ำโขงตอนบน รวมถึงจีนและสหภาพเมียนมา ในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ องค์ความรู้และการประยุกต์สำหรับการบริหารจัดการลุ่มน้ำโขง

สำหรับประเด็นที่รัฐบาลไทยนำเสนอในที่ประชุม คือการผลักดันความร่วมมือการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติจากภาวะน้ำแล้ง น้ำท่วม และคุณภาพน้ำ การเสริมสร้างบทบาทให้เป็นศูนย์กลางความรู้ด้านทรัพยากรน้ำ และทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ตลอดจนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ สนับสนุนการตัดสินใจด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และทรัพยากรที่เกี่ยวข้องในลุ่มน้ำโขง

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา กล่าวเปิดงานโดยไม่ได้พูดถึงผลกระทบเชิงลบจากการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำ ได้แต่กล่าวถึงสิ่งท้าทายจากการเพิ่มจำนวนประชากร การพัฒนาที่รวดเร็ว และความต้องการน้ำ อาหารและความมั่นคงด้านพลังงาน เช่นเดียวกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ที่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องการสร้างเขื่อน แต่ได้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับความร่วมมือของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงในการจัดการกับภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติ และระบุว่า ไทยสามารถบริหารจัดการเรื่องน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะที่นายทองลวน สีโซลิด นายกรัฐมนตรีลาว ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขื่อนไซยะบุรีและเขื่อนดอนสะโฮง ที่ถูกวิจารณ์ถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ลาวจะทำตามคำมั่นและจะทำให้แน่ใจว่าเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำจะถูกก่อสร้างด้วยแนวทางที่ยั่งยืน ด้านนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เรียกร้องให้มีมาตรการรับมืออย่างเร่งด่วน และกล่าวต่อที่ประชุมสุดยอดว่าระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมกำลังเสื่อมถอยลงอย่างรุนแรงจากการสร้างเขื่อน