สนช. เห็นชอบ ร่างกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

สนช. เห็นชอบ ร่างกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา

สนช. เห็นชอบ ร่างกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ไม่สนถูกติง ตั้งสถาบันพัฒนาครู เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใกล้ชิดรัฐบาล

เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ตามที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่มีพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ เป็นประธานกมธ.ฯ เสนอ ด้วยเสียงเห็นชอบข้างมาก 147 เสียงต่อเสียงไม่เห็นชอบ 1 เสียง

หลังจากที่ประชุมได้อภิปรายเป็นรายมาตราโดยไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมไปจากร่างฯ ที่เสนอโดยกมธ.ฯ แม้ว่าจะมี สมาชิก สนช. คือ นายวัลลภ ตังคนานุรักษ์ สนช. ตั้งข้อสังเกตและเสนอให้ปรับบทบัญญัติ ร่างมาตรา 15 ว่าด้วยการจัดตั้งสถาบันต้นแบบในการผลิตและพัฒนาครู ที่กองทุนฯ สามารถดำเนินการได้เอง หรือ ร่วมกับหรือมอบหมายให้บุคคลหรือสถาบันอุดมศึกษาดำเนินการก็ได้ ให้ดำเนินการโดยภายใต้สถาบันอุดมศึกษาที่มีคณะที่สอนเกี่ยวกับวิชาชีพครู เนื่องจากกังวลว่าจะมีกลุ่มสถาบันที่มีความเชื่อมโยงกับคนของรัฐบาลชุดปัจจุบันได้ประโยชน์เป็นกลุ่มเฉพาะ แต่ที่ประชุมยังยืนยันตามเนื้อหาเดิม

ขณะที่การอภิปรายภาพรวมยังเป็นไปในทางสนับสนุน เพราะเข้าใจความสำคัญของการตั้งกองทุนฯ ที่ให้ความช่วยเหลือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็ก และค่าใช้จ่ายแก่เด็ก เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัยพ์รวมถึงผู้ด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 บัญญัติไว้

สำหรับการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว ร่างกฎหมายกำหนดระยะแรกให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณเป็นทุนประเดิม 1,000 ล้านบาท ร่วมกับงบประมาณของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน สำนักงานกองทุน สนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), เงินที่รัฐบาลจัดสรรรายปี, เงินรายได้จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เป็นต้น
ส่วนขั้นตอนดำเนินการหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ บทเฉพาะกาลกำหนดให้เริ่มดำเนินการตามรายละเอียดของกฎหมายหลังประกาศใช้แล้ว 60 วันด้วยการตั้งคณะกรมการบริหารกองทุนฯ ทั้งนี้กำหนดให้โอนกิจาร ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ ภาระ เจ้าหน้าที่และลูกจ้าง รวมถึงงบประมาณของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชนตามระเบียบของ สสส. ไปเป็นกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาฯ ซึ่งยังให้อำนาจนายกฯ มีคำสั่งข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติงานในสำนักงานฯ ชั่วคราวได้คราวละไม่เกิน 4 ปี