ปรับค่าแรงออเดอร์สินค้าเท่าเดิม - ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5%

ปรับค่าแรงออเดอร์สินค้าเท่าเดิม - ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5%

บริษัทรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ส่งออก ระบุ การขึ้นค่าแรงรายวันครั้งใหม่ กระทบกิจการ ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 5% ทันที

เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 61 นายพรเทพ ศักดิ์สุจริต ประธานกรรมการ บริษัท อุดร มาสเตอร์เทค จำกัด เปิดเผยว่า หลังเริ่มปรับค่าแรงขั้นต่ำทั่วประเทศตั้งแต่ 1 เมษายน เป็นต้นมา โดย จ.อุดรธานี ปรับจาก 305 บาท ขึ้นเป็น 315 บาท

ซึ่งเมื่อมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้ ทำให้ทางบริษัทฯ เราได้รับผลกระทบทันที เพราะพนักงานจ้างรายวันที่ค่าแรง 305 บาท เราก็ต้องปรับขึ้นเป็น 315 บาท จากพนักงานรายวันส่วนนี้ที่มีประมาณ 270 คน ทั้งนี้ เมื่อมีการปรับค่าแรงรายวัน มันจะสืบเนื่องต่อไปถึงพนักงานรายเดือน ที่เงินเดือนยังไม่ถึง 9,450 บาท เราก็ต้องปรับให้เขาจนถึง 9,450 บาท หลังจากนั้นก็จะเป็นพนักงานประจำออฟฟิศ คนเหล่านี้ก็ต้องปรับเงินเดือนพวกเขาขึ้นไปอีก

“ค่าแรงขั้นต่ำของอุดรธานี ที่ปรับขึ้นเป็น 315 บาท ทำให้ภาพรวมทางบริษัทฯ ต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้เพิ่มอีกทั้งหมด 5 เปอร์เซ็นต์ นี่คือผลกระทบที่ตามมา แต่มาร์จิ้นเราก็ไม่ได้มีการปรับขึ้นตามค่าแรงที่เราต้องจ่าย มาร์จิ้นเรายังคงเท่าเดิม แต่เมื่อค่าแรงของเราเพิ่มขึ้น ทำให้มาร์จิ้นของเราลดลง โดยการปรับขึ้นค่าแรงครั้งนี้ มีผลกระทบกับบริษัทฯ เราแน่นอน”

นายพรเทพ กล่าวอีกว่า หากมองว่าขึ้นค่าแรงแค่ 10 บาท มันเป็นตัวเลขที่น้อย ซึ่งทางลูกจ้างก็จะบอกว่าขึ้นน้อย แต่หากเป็นนายจ้าง ก็ต้องบอกว่านายจ้างทำธุรกิจแบบไหน อย่างไรที่บอกว่าขึ้นไม่มาก แต่ธุรกิจของตนดูแล้วว่า ขึ้นค่าแรงครั้งนี้เยอะอยู่เหมือนกัน แต่อยู่ในระดับที่เรารับมือได้ แต่หากขึ้นมากกว่านี้ บริษัทฯ ก็คงไปไม่ไหวแล้ว เราก็คงต้องไปหาแหล่งที่มีค่าแรงถูกกว่าทำต่อ เราถึงจะอยู่ได้ ถ้ามองในฝ่ายมุมมองของลูกจ้าง ของคนทั่วไป คงบอกว่า ขึ้นเพียง 10 บาท มันแค่นิดเดียว แต่ถ้าผู้ประกอบการขึ้น 10 บาทนี่ เป็นเรื่องใหญ่ เพราะปรับขึ้นค่าแรง มันไม่ได้ขึ้นให้เพียงคนเดียว แต่มันต้องปรับขึ้นทั้งองค์กร ให้เป็นภาพรวมที่เยอะมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการปรับขึ้นค่าแรง บริษัทฯ มีผลกระทบ จะต้องมีการเลย์ออฟพนักงานบ้างหรือไม่ นายพรเทพ ตอบว่า เราคงไม่ทำอย่างนั้น เพราะว่าที่ผ่านมาเมื่อมีการปรับขึ้นค่าแรง เราไม่เคยคิดจะเลย์ออฟพนักงาน แต่เราชี้แจงกับพนักงานว่า เราต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่การที่จะรับคนเข้ามาเพิ่มหรือรับคนใหม่มาทำงาน ในระยะนี้เราอาจจะต้องหยุดไว้ก่อน แล้วใช้คนภายในที่มีอยู่ ส่วนคนไหนที่มีความจำเป็นจะลาออก คงต้องปล่อยให้มีตำแหน่งว่าง โดยต้องนำคนอื่นมาช่วยกันทำงานเพิ่มมากขึ้น เพราะหากบริษัทฯ แบกรับภาระไม่ไหว หมายถึงทุกคนที่นี่ที่มีคนเกือบ 500 คน ไม่ไหวด้วย มันก็จะกลายเป็นต่างคนต่างไป ซึ่งเราต้องพยายามหาวิธีที่จะอยู่กันต่อไปให้ได้

“สำหรับเรื่องสวัสดิการของทางบริษัทฯ ยังคงเหมือนเดิม เรามีรถรับส่งพนักงาน มีข้าวสวยให้พนักงานช่วงอาหารเที่ยง มีการตรวจสุขภาพ มีเรื่องเงินน้ำใจให้พนักงาน ที่เหมือนเป็นของขวัญให้พนักงาน ซึ่งเราไม่ได้เรียกว่าเงินโบนัส เพราะแต่ก่อนเรามีกำไรเยอะ ทุกอย่างเรายังคงมีเหมือนเดิม ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เพราะเราคิดว่าพนักงานของเรา เขาน่าจะมีชีวิตดีกว่าเดิมที่ผ่านมา แต่หากภายนอก ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ คิดว่ามีผลกับพนักงานของเรา และสังคมบุคคลภายนอกด้วย เพราะเมื่อค่าแรงขึ้น หมายถึงว่าค่าครองชีพก็เพิ่มมากขึ้นด้วย”

น.ส.เรณู โพธิ์อำพล อายุ 44 ปี พนักงานทำงานแม่บ้านของบริษัทฯ เปิดเผยว่า ทราบเรื่องที่มีการปรับค่าแรงขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่า จ.อุดรธานี จะปรับขึ้นเท่าไหร่ หากปรับเพิ่มอีก 10 บาทก็ดี เพราะจากเดิมตนทำงานรายวันๆ ละ 305 บาท เมื่อปรับขึ้นวันละ 10 บาท ตนคิดว่าอาจจะดี แค่ว่าค่าครองชีพก็คงต้องขึ้นตามไปอีก ซึ่งก็คงกระทบเหมือนเดิม เงินที่จะได้เพิ่มอีกเดือนละประมาณ 300 บาท จะทำอย่างไร ซึ่งเราคงต้องประหยัด เพราะสินค้าต่างๆ ก็แพง ค่าแรงขึ้นของก็ขึ้นตาม แต่ตอนนี้เมื่อมีการเพิ่มค่าแรง เราก็คงต้องทำงานเพิ่มมากขึ้น ต้องทำให้ได้เหมือนเดิม