ผกก.ห้วยขวาง มั่นใจดำเนินคดี “จ๊อด” ทำร้ายร่างกายตาซาเล้ง ข้อหาหนัก รวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุด
จากกรณีที่มีสำนักข่าวรายหนึ่งได้ระบุว่า การเสียชีวิตของคุณลุงจรูญ มณีพันธ์ วัย 82 ปี คุณลุงขับซาเล้ง ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ถูกนายนราธร โสดติยัง หรือจ๊อด ทำร้ายร่างกาย โดยอ้างอิงจาก นพ.มานัส โพธาภรณ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลราชวิถี ที่เปิดเผยว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายจรูญ มณีพันธ์ วัย 82 ปี หรือคุณตาซาเล้ง เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เกิดจากการติดเชื้อกระแสโลหิตซึ่งพบได้ในผู้สูงอายุทั่วไป ไม่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่ได้รับจากการถูกนายนราธร โสดติยัง หรือจ๊อด ทำร้ายร่างกาย เนื่องจากผลเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ในสมองไม่พบเลือดออก ประกอบกับผู้เสียชีวิตมีโรคประจำตัว และเข้าออก โรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการ อยู่แล้ว
โดยล่าสุดเมื่อวันที่31 มีนาคม พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง ได้เปิดเผย จากใบแถลงการของ รพ.ราชวิถี ที่บอกว่า การเสียชีวิตของคุณลุงจรูญนั้นเกิดจากการติดเชื้อในกระแสเลือดเป็นเพียงการวินิจฉัยเบื้องต้นเท่านั้น ต้องรอผลวินิจฉัยอย่างระเอียดจากนิติเวช รพ.รามาธิบดี อีกครั้ง
“การที่ได้พูดคุยกับแพทย์ จากนิติเวชรพ.รามาธิบดี ที่ทำการผ่าพิสูจน์คุณลุงจรูญจนทราบเบื้องต้นว่า การเสียชีวิตของคุณลุงจรูญเกิดจากลิ้มเลือดที่ปลายขาไปอุดตันเส้นเลือดในปอด เป็นเหตุในปอดขาดเลือด จนเกิดภาวะปอดล้มเหล้ว ทำให้เสียชีวิตจากการหายใจล้มเหลวนั้นเอง” พ,ต,อ.กัมพลระบุ
พ.ต.อ.กัมพล เปิดเผยต่ออีกว่า ทั้งนี้เราจะต้องไปดูว่าสิ่งใดที่ทำให้เกิดลิ้มเลือด นั้นก็คือการที่ไม่ได้ขยับร่างกายเป็นเวลานาน และการที่ไม่ได้ขยับร่างกายเป็นเวลานานก็สังเกตุได้จากการที่มีแผลกดทับเกิดขึ้นนั้นเอง นอกจากนี้หลายคนสังเกตุว่าจะเกิดจากภาวะแทรกซ้อนจากความชราหรือไม่ เพราะก่อนที่คุณลุงจรูญจะเสียชีวิตก็มีอาการไข้ขึ้นสูงนั้น เราก็ต้องกลับไปดูอีกว่าการเสียชีวิตของคุณลุงจรูญคือการที่ลิ้มเลือดจากขาไปอุดตันเส้นเลือดในปอด ไม่ใช่เกิดจากภาวะการมีไข้สูง ส่วนผลชันสูตรอย่างละเอียดของรพ.รามาธิบดี ต้องรออีกประมาณ1เดือน
“ทั้งนี้ไม่ได้มีความหนักใจในการดำเนินคดีกับนายนราธร ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุถึงแก่ความตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุด ตรงไปตรงมา ส่วนที่บอกว่าการที่ผลวินิจฉัยของรพ.ราชวิถีออกมาในแนวทางนี้อาจจะเป็นช่องทางให้นายธนาธร สู้คดีหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของผู้ต้องที่จะสู้คดีอย่างไรต่อไป” พ,ต,อ.กัมพลระบุ