Blue Elephant จัดเซตเมนูอาหารไทยต้นตำรับจับคู่ไวน์ไทย

Blue Elephant จัดเซตเมนูอาหารไทยต้นตำรับจับคู่ไวน์ไทย

เชฟ นูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ จัดเซตเมนูอาหารไทยตำรับโบราณ จับคู่กับ 'ไวน์กรานมอนเต้' จากไร่องุ่นแห่งปากช่อง จ.นครราชสีมา

การจับคู่อาหารกับการดื่มไวน์ หรือ Wine Pairings เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ในการรับประทานอาหาร มักเป็นการจับคู่ไวน์กับอาหารต่างชาติ 

โอกาสดีสำหรับนักชิมอาหารไทยที่อยากลองเปิดประสบการณ์รับประทานอาหารไทยและจับคู่กับการดื่มไวน์มาถึงแล้ว เมื่อภัตตาคาร บลู เอเลเฟ่นท์ (Blue Elephant) โดยเชฟ นูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ นำเสนอคอร์สอาหารกลางวันและอาหารเย็นโดยเลือกสรรอาหารไทยโบราณต้นตำรับ พร้อม ‘ไวน์แพริ่ง’ กับไวน์ซึ่งทำจากองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ของไร่องุ่น กรานมอนเต้ (Granmonte Vineyard & Winery) แห่งปากช่อง เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

B9 เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ และคณะผู้บริหาร Granmonte Vineyard & Winery

"ดิฉันมีความยินดีมากที่ได้ร่วมมือกับทางกรานมอนเต้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้นำการผลิตไวน์ในประเทศไทย และมีความเชี่ยวชาญผลิตไวน์ไทยที่จะสามารถนำมารับประทานกับเมนูอาหารไทยโบราณได้อย่างลงตัว และสามารถส่งเสริมรสชาติซึ่งกันและกันกับรสชาติอาหารของ บลู เอเลเฟ่นท์ ซึ่งปรุงขึ้นจากวัตถุดิบสดใหม่ของโครงการหลวงและวัตถุดิบออร์แกนิคจากที่ต่างๆ ในประเทศไทย” เชฟนูรอ กล่าว

อาหารไทยต้นตำรับโดยเชฟนูรอผ่านการทดลอง ‘แพริ่ง’ อย่างดีโดย จิรกฤต อุ่นจิต ผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์(Sommelier)ของ บลู เอเลเฟ่นท์ 

bbb4 แจงลอน กับ ม้าอ้วนปู                                                                 ตับห่านน้ำปลาหวาน

คอร์สแรกของเซตเมนู เริ่มต้นด้วยอาหารว่าง (Amuse Bouche) เชฟนูรอเสิร์ฟ แจงลอน กับ ม้าอ้วนปู

แจงลอน เป็นอาหารพื้นบ้านชลบุรี  คล้ายห่อหมก แต่แจงลอนทำสุกด้วยการย่าง ไม่เหมือนห่อหมกที่สุกด้วยการนึ่ง เชฟนูรอใช้เนื้อปลากรายผสมพริกแกงแดง ปั้นเป็นก้อนกลม นำไปจับก้านตะไคร้แล้วนำไปย่างจนสุกพอดี กลิ่นหอม เสิร์ฟคู่กับแตงกวาและถั่วลิสงคั่ว ส่วน ‘ม้าอ้วน’ เป็นของว่างมีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ครั้งนี้เชฟนูรอใช้เนื้อปู กุ้ง ไก่เบรสโครงการหลวง(Bresse chicken) สับรวมกันปรุงรสด้วยสามเกลือ(รากผักชี พริกไทย กระเทียม) คลุกเคล้าด้วยไข่ออร์แกนิคเชียงราย แล้วปั้นเป็นก้อนกลม นำไปนึ่ง ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มเหนียว เสิร์ฟกับซอสพริกรสหวาน

อาหารว่างคอร์สนี้คุณจิรกฤตเลือกจับคู่กับไวน์ 2017 Granmonte Viognier ไวน์ขาวทำจากองุ่นพันธุ์วิโอเญียร์ แอซิดบาลานซ์(กรดธรรมชาติที่ทำให้ไวน์มีรสชาติสดชื่นและมีชีวิตชีวา) มีความมัน(oily)ในตัว เหมาะดื่มกับอาหารไทยที่มีส่วนผสมของกะทิ หรือไม่ก็ดื่มกับผลไม้ไทยก็ได้

คอร์สที่สองเป็นอาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) ตับห่านน้ำปลาหวาน ตับห่านจี่ในกระทะ โรยหน้าด้วย ‘น้ำปลาหวาน’ ทำจากมะขามหวานเพชรบูรณ์ น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา เสิร์ฟกับมันฝรั่งบดผสมใบโหระพา มะม่วงสุกจากแปดริ้วแหล่งปลูกมะม่วงส่งออกของไทย ช่วยตัดความมันของตับห่าน

คุณจิรกฤตเลือกจับคู่ ‘ตับห่านน้ำปลาหวาน’ กับ 2017 Granmonte Verdelho ไวน์ขาวทำจากองุ่นพันธุ์เวอร์เดลโญ่ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เหมาะดื่มกับอาหารที่มีส่วนผสมของผลไม้เมืองร้อน

bbb ต้มส้มขมิ้นปลาหิมะกับน้ำส้มลูกจาก

bbb1 แสร้งว่ากุ้งแม่น้ำปลาดุกนาย่าง

คอร์สที่สาม เชฟนูรอเสิร์ฟซุป ต้มส้มขมิ้นปลาหิมะกับน้ำส้มลูกจาก เนื้อปลาหิมะหั่นชิ้นพอดีคำในน้ำซุปใสแบบ ‘ต้มส้ม’ รสชาติเปรี้ยว เค็ม เผ็ด โดยรสเปรี้ยวได้จากน้ำส้มลูกจากและส้มแขก ตำรับนครศรีธรรมราช ซดแล้วสดชื่น เนื่องจากคอร์สนี้เป็นน้ำซุป คุณจิรกฤตจึงไม่จับคู่กับไวน์ อยากให้นักชิมได้อิ่มเอมกับรสชาติน้ำซุปเต็มที่

คอร์สที่สี่ ‘อาหารจานหลัก’ มีด้วยกัน 2 จาน จานแรก แสร้งว่ากุ้งแม่น้ำปลาดุกนาย่าง ปลาดุกนาย่างปรุงแบบพล่า(มีตะไคร้ซอย)รสชาติจัดจ้าน วางมาบนตัวกุ้งแม่น้ำย่างสุกกำลังดี กลิ่นหอม มันกุ้งกระจาย เสิร์ฟกับใบชะพลูชุบแป้งทอด แยกกินก็อร่อย  กินรวมกันได้รสสัมผัสเหนียวหนึบของเนื้อกุ้งย่าง ความกรอบของใบชะพลูชุบแป้งทอด ช่วยตัดรสชาติจัดจ้านพล่าปลาดุกนาย่าง จานนี้เสิร์ฟคู่กับ 2017 Sakuna Rose โรเซ่สีชมพู รสชาติเบาไม่ฝาดคอ เข้ากันได้ดีกับอาหารไทยที่ติดมันนิดๆ จากการปรุงแบบทอด ผัด และย่าง

bbb3 แกงขี้เหล็กเนื้อย่าง

B8 ขนมไทย (Thai Petit Fours)

อาหารจานหลักจานที่สอง แกงขี้เหล็กเนื้อย่าง ในจานมีเนื้อวากิวโคราชย่างพอนุ่ม เรียงมาบนแกงขี้เหล็กที่หยอดมาเหมือนซอส แกงขี้เหล็กนี้เชฟนูรอเลือกใช้แต่ใบขี้เหล็ก สับ ต้มสามน้ำให้คลายความขมลงบ้าง แต่ยังคงไว้ซึ่งสูตรโบราณรสชาติเข้มข้นตำรับสมัยรัชกาลที่ห้า เสิร์ฟพร้อม ‘หมูหวาน’ สูตรเปอรานากัน(Perakan)ให้ตัดรสเผ็ด น้ำพริกลงเรือเนื้อเนียนพร้อมผักแนม มะเขือขาว มะเฟือง แครอท แตงกวาดอง ใบผักแพว ข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่หุงกะทิแบบพื้นเมืองภาคใต้วางมาบนเนื้อมะพร้าวเผาหั่นเสี้ยว และแกงขี้เหล็กในโถดินเผาขนาดเล็กอีก 1 โถ จานนี้เสิร์ฟคู่กับ 2014 Heritage ไวน์แดงที่เบลนด์ระหว่างองุ่นพันธุ์ซีราส(Shiraz)และวิโอเญียร์ บ่มนาน แทนนินสูง

ปิดท้ายด้วย ชาหรือกาแฟ และ ขนมไทย (Thai Petit Fours) ไอศกรีมข้าวหอมมะลิวางบนขนมหม้อแกง เม็ดขนุน และกลีบลำดวน

เซตเมนูอาหารไทยต้นตำรับเซตนี้ หากต้องการรับประทานเฉพาะอาหาร ราคาเซตละ 2,400++บาท/ท่าน หากต้องการรวมไวน์แพริ่งราคาเซตละ 3,200++บาท/ท่าน ให้บริการที่ บลู เอเลเฟ่นท์ ทั้งที่สาขากรุงเทพฯ และภูเก็ต ทุกวัน ระหว่างเดือนเมษายนถึงกันยายน พ.ศ.2561

B1 ภัตตาคาร Blue Elephant สาขากรุงเทพฯ

---------------------------------------------

หมายเหตุ : ภัตตาคาร Blue Elephant สาขากรุงเทพฯ โทร.0 2673 9353 สาขาภูเก็ต โทร.0 7635 4355