ป.ป.ส. จับมือ รพ.รามาธิบดี ป้องเอายารักษาโรคมาเสพ

ป.ป.ส. จับมือ รพ.รามาธิบดี ป้องเอายารักษาโรคมาเสพ

ป.ป.ส. ร่วมกับ ศูนย์พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ลงนามข้อตกลงว่าการสนับสนุนข้อมูลด้านพิษวิทยาของยาเสพติด

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 26 มี.ค.61 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ศาสตราจารย์ นายแพทย์วินัย วนานุกูล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง ว่าด้วยการประสานสนับสนุนข้อมูล และการดำเนินงานด้านพิษวิทยาของยาเสพติด ระหว่างหน่วยงานหลักด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ยาเสพติด กับหน่วยงานทางวิชาการและการปฏิบัติการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านเกี่ยวกับพิษวิทยา เพื่อให้ประชาชนและสังคมได้รับประโยชน์ด้านองค์ความรู้ ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง ตลอดจนวิธีการปฏิบัติตนเพื่อการป้องกันตนเองและสังคมให้ปลอดภัยจากโทษและพิษภัยของยาเสพติด สารเสพติด สารเคมี วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ก๊าซ และการนำยารักษาโรคมาใช้ในทางที่ผิด

นายศิริทร์ยา เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบว่า กลุ่มวัยรุ่นมักนำยาที่ใช้ในทางการแพทย์ หรือยารักษาโรคมาใช้ในทางที่ผิดเป็นจำนวนมาก โดย ป.ป.ส. ได้ขอความร่วมมือจากศูนย์พิษวิทยา ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์หาสารพิษ หรือผลร้ายที่จะเกิดกับร่างกาย เช่น การนำยาแก้ปวด ยาแก้หวัด หรือยาแก้ไอ มารับประทานเป็นสารเสพติด จากสถิติพบว่า กลุ่มคนเหล่านี้ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากได้รับผลข้างเคียงจากการเสพสารเสพติดดังกล่าวเพราะถูกชักชวนจากสื่อโซเชียล โดยคาดว่าการลงนามบันทึกข้อตกลงครั้งนี้ จะสามารถสื่อสารไปยังผู้ปกครอง ครูอาจารย์ ให้ช่วยตักเตือนเด็กและเยาวชนได้

“ที่ผ่านมาพบข้อมูลการจับกุมผู้ลักลอบนำเข้า และจำหน่ายยาทรามาดอลหรือยาเขียวเหลือง จำนวน 3-4 แสนเม็ด ซึ่ง สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) มีการควบคุมการจำหน่ายยาประเภทนี้ อาทิ จำหน่ายในปริมาณจำกัด หรือ ต้องได้รับใบสั่งแพทย์ เนื่องจากหากรับประทานมากเกินไป จะส่งผลอันตรายต่อร่างกาย” นายศิริทร์ยา กล่าว

ด้าน ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร กล่าวว่า ศูนย์พิษวิทยาจะสนับสนุนผลการตรวจตัวยาจากห้องปฏิบัติการ รวมทั้งหาองค์ความรู้ด้านพิษวิทยาในตัวยาใหม่ๆ เช่น ยาแก้ปวดเม็ดเขียวเหลือง ที่นิยมนำมาใช้เป็นสารเสพติด และยาที่ใช้ในทางวิสัญญีแพทย์ โดยยอมรับว่าการควบคุมการจำหน่ายยาเหล่านี้ ยังค่อนข้างยาก ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและนำมาใช้อย่างผิดวิธี

ขณะที่ ศาสตราจารย์ นายแพทย์วินัย เปิดเผยว่า จากนี้จะมีการให้ความรู้พร้อมติดตามเฝ้าระวังเกี่ยวกับการใช้ยาทางการแพทย์ต่างๆในทางที่ผิดของกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งยกตัวอย่างการใช้ยาเม็ดเขียว เหลือง ในปริมาณที่มากกว่าปกติ จะก่อให้เกิดอาการชักได้ หรือยาบางชนิดจะส่งผลถึงอาการหลอน เช่นกัน