JKN - ซื้อ

JKN - ซื้อ

JKN ผู้นำในการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • JKN ผู้นำในการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ : JKN ดำเนิน 3 ธุรกิจได้แก่ 1) ธุรกิจให้บริการและจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ที่ซื้อและนำเข้าจากผู้ผลิตคอนเทนต์
    ชั้นนำ มีสัดส่วนรายได้ 93% 2) ธุรกิจให้บริการเวลาเพื่อโฆษณาผ่านช่อง JKN Dramax สัดส่วนรายได้ 6% 3) ธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ Home Entertainment และเสื้อโครงการต่างๆที่ได้รับอนุญาตจากสำนักพระราชวัง สัดส่วนรายได้ 1.6% บริษัทมีจุดแข็งคือ คอนเทนต์ได้รับความนิยมจากผู้ชม ทำให้มีสถานีโทรทัศน์มาติดต่อซื้อคอนเทนต์เพิ่มขึ้น คอนเทนต์ที่รู้จักดี อาทิ หนุมาน สงครามมหาเทพ สีดาราม นาคิน อโศกมหาราช Walking Dead(สามารถดูตัวอย่างคอนเทนต์เพิ่มเติมได้จากรูปที่ 1)
  • แผนงานในอนาคตขยายสู่ประเทศ CLMV : บริษัทได้เปิดเผยแผนการเติบโตในอนาคตดังนี้ 1) บริษัทมีแผนจะขยายฐานผู้ชมไปในประเทศ CLMV รวมถึง บรูไน และมาเลเซีย ซึ่งบริษัทเริ่มจากการออกบูธตามงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเพื่อแนะนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในมือ ตั้งเป้าขยายสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 15% ของรายได้รวม จากปัจจุบัน 8% 2) ในปีนี้มีการวางงบลงทุนไว้ที่ 950 ลบ. แบ่งเป็น เงินลงทุนซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากต่างประเทศ 800 ลบ. เงินลงทุนในคอนเทนต์ภายใต้แบรนด์ CNBC News มูลค่ารวม 175 ลบ. ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวใน 3Q61 3) หนี้สินของบริษัทในปี 60 ส่วนใหญ่มาจากเงินกู้ยืมระยะสั้นจากธนาคารและหุ้นกู้ที่จะถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปี คาดว่าในอนาคตบริษัทจะมีต้นทุนทางการเงินที่ถูกลง เนื่องจากได้เครดิตที่ดีขึ้นหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ อีกทั้งบริษัทยังมีการออก JKN-W1 มีอัตราการใช้สิทธิ 1 : 1 จำนวน 108 ล้านหน่วย มีราคาใช้สิทธิ 15 บาท มีอายุ 2 ปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับแผนงานของบริษัทในอนาคต
  • กำไรสุทธิปี 60 อยู่ที่ 187.7 ลบ. เติบโต 14.3%YoY แต่ NPM ลดลง : JKN ได้เปรียบคู่แข่งในอุตสาหกรรมเนื่องจากได้ทำสัญญากับผู้ผลิตคอนเทนต์หลักในอินเดียมาทั้งหมด จึงเป็นจุดแข็งของบริษัทในช่วงที่กระแสความนิยมซีรี่ย์อินเดียมาแรง โดยช่องที่นำซีรี่ย์ไปฉายมีเรตติ้งที่ดีขึ้น ทำให้มีช่องทีวีดิจิตอลทั้งลูกค้าเก่าและใหม่ขอติดต่อซื้อคอนเทนต์เพิ่ม ส่งผลให้รายได้รวมปี 60 อยู่ที่ 1,156 ลบ. เติบโต 37%YoY กำไรสุทธิปี 60 อยู่ที่ 187.7 ลบ. เติบโต 14.3%YoY มีอัตรากำไรสุทธิ2% ลดลงจากปี 59 ที่ 19.4% เนื่องจากต้นทุนค่าลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้นจากการซื้อคอนเทนต์เข้ามาเก็บไว้
  • คาดรายได้รวมปี 61 อยู่ที่ 1,387 ลบ.เติบโต 20%YoY แต่กำไรยังถูกกดดันจากต้นทุนค่าลิขสิทธิ์: เนื่องจากมีการทำสัญญาขายลิขสิทธิ์กับทางกลุ่มช่อง 3 จำนวน 14 เรื่อง มูลค่ารวม 800 ลบ. กับช่อง 8 จำนวน 10 เรื่อง มูลค่า 500 ลบ.และช่องไบรท์ทีวีเซ็นสัญญาละครจากฟิลิปปินส์จำนวน 40 เรื่องมูลค่ารวม 150 ลบ. รวมถึงยังมีสถานีโทรทัศน์ที่รอเซ็นสัญญาอีก 7 ช่องมูลค่ารวมราว 1 พันลบ. ซึ่งจะทยอยรับรู้ในปี 61 และ 62 คาดรายได้รวมในปี 61 อยู่ที่ 1,387 ลบ. เติบโต 20%YoY กำไรสุทธิอยู่ที่ 225 ลบ. เติบโต 20%YoY และอัตรากำไรสุทธิทรงตัวที่ 16.2% ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิ 1Q61 คาดเติบโต QoQ เนื่องจากในช่วงเดือนต.ค.บริษัทไม่มีการรับรู้รายได้ เพราะสถานีโทรทัศน์งดเผยแพร่รายการบันเทิง แต่คาดมีแนวโน้มลดลง YoY เนื่องจากยังมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศต่อเนื่องทำให้เป็นปัจจัยกดดันกับกำไรสุทธิในระยะสั้น แต่เป็นปัจจัยหนุนที่ดีกับการเติบโตในอนาคต
  • คาดกำไรสุทธิปี 62 สามารถเติบโตก้าวกระโดด 43%YoY : คาดว่าบริษัทจะสามารถขยายไปใน CLMV ได้ตามเป้า คาดรายได้ปี 62 อยู่ที่ 1,525 ลบ. เติบโต 10%YoY แต่กำไรสุทธิเติบโตได้สูงถึง 43%YoY อยู่ที่ 320 ลบ. และอัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 21% มีปัจจัยหนุนมาจากการทยอยรับรู้รายได้ของยอดขายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในประเทศ และการเติบโตจากต่างประเทศ ขณะที่ค่าใช้จ่ายค่าลิขสิทธิ์ลดลง เนื่องจากซื้อมาเพียงพอแล้ว  ประกอบกับมีต้นทุนทางการเงินที่ลดลงหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
  • เริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 17.30 บาทสำหรับปี 62 : ทางฝ่ายวิจัยมองว่า JKN ยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง และราคาหุ้นปัจจุบันสะท้อนความคาดหวังในปี 61 ไปแล้ว เราจึงปรับใช้เป็นราคาเหมาะสมปี 62 แทน คาด JKN จะมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลปี 62 ที่เพียง 1% ต่ำกว่ากลุ่ม MEDIA ที่ราว 2.25% ฝ่ายวิจัยประเมินราคาเหมาะสมโดยอิง Prospective PER ที่ 30 เท่า ซึ่งสูงกว่าForward PERของกลุ่ม Media ที่ 29 เท่า (คาดการณ์จากBloomberg Consensus)เนื่องจากสามารถเติบโตได้ดีกว่าอุตสาหกรรม ได้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 17.80 บาท แต่หากรวม Dilution Effect จากการแปลงวอร์แรนท์ จะได้ราคาเหมาะสมอยู่ที่ 17.30 บาท เริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” เพื่อลงทุนระยะยาวรอการเติบโตอนาคต

 ความเสี่ยง : 1. การถูกละเมิดลิขสิทธิ

                2. กระแสความนิยมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง
                3. การไม่สามารถเก็บหนี้จากลูกหนี้การค้า