MORNING CALL ACTION NOTES (22 มี.ค.61)

MORNING CALL ACTION NOTES (22 มี.ค.61)

เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด

ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้ ทยอยอ่อนตัวในกรอบแคบ ท่ามกลางตลาดหุ้นเพื่อนบ้านที่เป็นบวกสลับลบ แม้มีปัจจัยบวกในประเทศจากตัวเลขส่งออกโต และราคาน้ำมันฟื้นตัว แต่ตลาดยังคงจับตาการประชุม FED ในช่วงเย็น โดยรวม SET Index หนุนโดยกลุ่ม COM และ TRANS หักล้างบางส่วนโดย  BANK จึงปิดที่ 1,801.43 จุด (+1.59 จุด) Volume 5.61 หมื่นลบ.โดย Foreign Net -1,077.11 ลบ.  TFEX Net -596 สัญญา ตราสารหนี้ +4,456.24 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+เฟดมีมติขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดและส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ ขณะเดียวกันได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ในปีนี้สู่ระดับ 2.7% จากเดิมที่ 2.5%

+น้ำมันดิบปิดพุ่งหลัง EIA เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงในสัปดาห์ที่แล้ว

+ยอดขายบ้านมือสองสหรัฐทะยานขึ้น 3.0% ในเดือนก.พ. โดยยอดขายบ้านพุ่งขึ้นในภาคใต้และตะวันตก

+ส่งออกก.พ.61 +10.3% จากตลาดคาด +9.25% ในช่วง 2 เดือนแรกปี 61 ส่งออก +13.8%

-ดาวโจนส์ขยับลงหลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

-ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ก.พ.61 ที่ 89.9 จาก 91.0 ใน ม.ค. ปรับลงครั้งแรกรอบ 4 เดือน

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 5.59 หมื่นล้านบาท ขณะที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นสู่ 31.16 บาท/USD

**จับตาการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE)

**23 มี.ค. จับตาชัตดาวน์สหรัฐ

ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยบวกจากมติที่ประชุมเฟดที่ปิดบวกที่เป็นไปตามตลาดคาด และราคาน้ำมันที่ยังบวกต่อ  แต่มีแรงกดดันจาก Fund Flow ผันผวน  จึงคาด SET จะผันผวนในกรอบ 1,793-1,810 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน

- CENTEL TOP TMB CPN ROBINS คาดเป็น target ทำ window dressing

- PTTEP PTTGC IVL ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นสู่ 65.17 $/bbl

- GFPT TFG จีนรับรองมาตรฐานโรงงานผลิตไก่ไทย

- CENTEL ERW ได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 19% ในเดือนก.พ.

- หุ้นปันผลเด่น BAFS CRD FTE GLOW KKP NYT SIS SPRC TISCO QH PDI PL AIT TKS AP KIAT

- BEC เรตติ้งรวมปรับขึ้นยกแผงช่วง prime time ขายโฆษณาขยับเป็น 100%

- หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จากค่าเงินบาทแข็งค่าสู่ 31.16 บาท/$ (ต้นปี 17 อยู่ที่ 34 บาท/$) และราคาทองแดงทรงตัวในระดับสูง 6,817 $/Ton(ต้นปี 17 อยู่ที่ 5,600 $/Ton)

หุ้นแนะนำพิเศษ

IVL (ราคาปิด 56.50 Bloomberg Consensus 66.61)

  • ปิดดีลใหญ่ตามนัด จับมือพันธมิตรตั้งบริษัทร่วมทุน “CC Polymers” ประกาศซื้อกิจการในอเมริกา ผุดโรงงานผลิต “PTA-PET” ใหญ่ที่สุดในโลก ขนาดกำลังการผลิต PET สูง 1.1 ล้านเมตริกตัน(เพิ่มกำลังการผลิตอีก 30% สู่ 4.8 ล้านตันต่อปี) และ PTA ผลิตอีก 1.3 ล้านเมตริกตัน (เพิ่มกำลังการผลิตอีก 36% สู่ 4.8 ล้านตัน) โดยในปี 60 ได้เข้าซื้อโรงงานอีก 4 แห่งโดยเน้นสินค้า HVA และ PTA
  • Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 อยู่ที่ราว 2.07 หมื่นล้านบาททรงตัวเมื่อเทียบกับปี 60 ซึ่งถือว่ากำไรทรงตัวในระดับสูง อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายที่ PE เพียง 14.6 เท่าซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปีที่ 16.7 เท่า

หุ้นเริ่มซื้อขายวันแรก : CHAYO (ราคา IPO 2.88 บาท)

ตลาด mai /เงินทุนและหลักทรัพย์

**บล.โกลเบล็กเป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุน IPOในครั้งนี้ ซึ่งจะได้รับค่าธรรมเนียมในฐานะผู้จัดจำหน่าย

  • บมจ. ชโย กรุ๊ป (CHAYO) ดำเนิน 3 ธุรกิจหลักได้แก่ 1) ธุรกิจลงทุนและบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมีสัดส่วนรายได้ 78% 2) ธุรกิจให้บริการเจรจาติดตามทวงหนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงิน และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีสัดส่วน 18%  3) ธุรกิจศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าหรือ Call Center มีสัดส่วนรายได้ 6% 
  • ปี 60 มีรายได้รวม 207 ลบ.เติบโต 4.4%YoY กำไรสุทธิ 58 ลบ. ลดลง 17.8%YoY เนื่องจากมีการจ้างพนักงานเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายธุรกิจ ยอดหนี้คงค้างของกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพมีจำนวน  2.9 หมื่นลบ. เป็นสินเชื่อบัตรเครดิตสัดส่วนสูงสุด 38% รองลงมาเป็นเงินให้สินเชื่อทั่วไป มีสัดส่วน 22%
  • จำนวนหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 140 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ  403  ลบ. ใช้ในการประมูลซื้อกองสินทรัพย์ด้อยคุณภาพทั้งประเภทที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน  ใช้จ่ายชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

    •  ราคา IPO คิดเป็น  Current PER ที่ 27.69 เท่า เมื่อเทียบกับธุรกิจที่คล้ายคลึงกัน (JMT) มี PER  25.31 เท่า

หุ้นมีข่าว   

·        HMPRO (ราคาปิด 14 Bloomberg Consensus 14.85) ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปี 61 เติบโตไม่น้อยกว่า 5% ตามการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมที่คาดจะเติบโตเฉลี่ย 3-4% ต่อสาขา และการขยายสาขาใหม่เพิ่มเติมอีก ปีนี้บริษัทมีแผนขยายสาขาโฮมโปร S เป็นหลัก 8 สาขาในพื้นที่กรุงเทพ และโฮมโปรอีก 1-2 สาขา งบลงทุน 6-6.5 พันล้านบาทโดยเน้นเปิดสาขาตามหัวเมืองใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง  การขยายสาขาในมาเลเซียปีนี้ยังไม่มี ขอรอดูารเติบโตในทิศทางที่ดีก่อน บริษัทยังคงมองโอกาสขยายธุรกิจไปยังประเทศอาเซียนอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมุ่งเน้นที่ประเทศมาเลเซียก่อน เริ่มเห็นการลงทุนมากขึ้นของประชาชนในพื้นที่กทม.เนื่องจากสาขาที่ให้บริการอยู่ในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อแนวโน้มยอดขายใน 1Q61 น่าจะดีกว่า 1Q60 แต่ทรงตัวเมื่อเทียบกับ 4Q60 (ที่มา อินโฟเควสท์)

·        ความเห็น เรามีมุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานของ HMPRO การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับดีขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วสนับสนุน SSSG เติบโตต่อเนื่อง Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 5.6 พันล้านบาท +14% ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER 38 เท่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ระดับ 36 เท่า แนะนำ ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

·        GPI (ราคาปิด 3.30 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 4.20 บาท) ผู้บริหารเผย บูธแสดงยานยนต์ในงาน Bangkok International Motor Show 2018 (วันที่ 28 มี.ค.-8 เม.ย. 61) ถูกจองเต็มจำนวนและบางรายมีการจองพื้นที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน แม้มีการปรับขึ้นอัตราค่าเช่าพื้นที่จากปีก่อนเฉลี่ย 7% นอกจากนี้ งวด 2Q61 ยังมีการจัดงาน Bangkok Used Car Show 2018 ที่จะจัดขึ้นในช่วงใกล้เคียงกันตั้งแต่วันที่ 2-8 เม.ย. 61 ส่วนช่วง 2 เดือนแรกของปี ธุรกิจรับจ้างพิมพ์ยังมีปริมาณงานจากลูกค้าภายนอกเพิ่มขึ้น

·        ความเห็น การปรับขึ้นค่าบริการและการจองพื้นที่บูธแสดงยานยนต์ คาดว่าได้ทำล่วงหน้าไปแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปี 60 ซึ่งส่วนเพิ่มดังกล่าวน่าจะไปหนุนกำไรสุทธิ โดยยังไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนมากนัก โดยนอกเหนือจากงานดังกล่าว GPI ยังมีโอกาสได้จัดงาน AIR Race 1 และ งาน Motor Show ที่ประเทศเมียนมาร์อีก 2 ครั้งในปีนี้ จัดเป็น Upside ส่วนเพิ่มในประมาณการ ที่คาดเติบโต 12.7%YoY ราคาปัจจุบันมี Cash Adjusted PER อยูที่ราว 11.2 เท่า ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ"

·        (+/-) TACC (ราคาปิด 4.66 Bloomberg Consensus 5.95)ได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทน Rilakkuma ครอบคลุม 7 ประเทศ เป็นเวลา 4 ปี ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ มาเลยเซีย กัมพูชา เมียนมา ลาว และเวียดนาม ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% โดยมีแผนเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ป้อนเข้าสู่ตลาดประมาณ 2-3 ผลิตภัณฑ์ช่วยต่อยอดการเติบโตทั้งในธุรกิจ B2B และ B2C ขณะที่แนวโน้มรายได้ในช่วง 1Q61 คาดจะออกมาต่ำกว่าช่วง  1Q60 เนื่องจากผลกระทบจากภาษีน้ำตลาดที่คำนวณตามปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม โดยกระทบอัตรากำไรขั้นต้นราว 2-3% นอกจากนี้ธุรกิจในประเทศกัมพูชายังได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่ค่อน้ขางสูง โดยบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่ในประเทศกัมพูชา เพื่อเพิ่มยอดขายให้เติบโตขึ้น

·        ความเห็น แม้คาดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกจะถูกกดดันจากภาษีน้ำตาลและสงครามราคาของธุรกิจในกัมพูชา แต่คาดว่าสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะปรับดีขึ้นจากค่าภาษีน้ำตาลที่มีแนวโน้มลดลงหลังออกผลิตภัณฑ์สูตรใหม่ที่มีน้ำตาลน้อยลง  รวมทั้งรายได้ค่าสิทธิ์จากตัวการ์ตูน Rilakkuma โดยยังต้องติดตามพัฒนาการในการเลี่ยงสงครามราคาในตลาดกัมพูชา ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ราว 141.5 ลบ. +26%

·        (+) NYT ส.อ.ท.เผยยอดส่งออกรถยนต์ ก.พ.61 โต 4.05% มาที่ 102,217 คัน

·        (+) TOP จ้องควักงบ 1 แสนล้านบาท อัพกำลังผลิตเป็น 4 แสนบาร์เรลต่อวัน จากเดิมราว 2.75 แสนบาร์เรลต่อวัน เชื่อสรุปได้ Q3 นี้ พร้อมเล็งคลอดหุ้นกู้ชุดใหม่ วงเงินไม่เกินราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หวังนำเงินขยายธุรกิจโรงกลั่น (ที่มา ทันหุ้น)

·        (+) MODERN ผลงานปี 2561 สดใส หลังธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ผ่านจุดต่ำสุด เล็งนำบริษัทย่อย "โมเดอร์นฟอร์มเฮลท์แอนด์แคร์" เข้าตลาดหลักทรัพย์ คาดยื่นไฟลิ่งภายในไตรมาส 2/2561 (ที่มา ทันหุ้น)