มารู้จัก 'รจนา สินที' ซี8ยักยอก88ล้านทุนเสมา

มารู้จัก 'รจนา สินที' ซี8ยักยอก88ล้านทุนเสมา

มารู้จัก "รจนา สินที" ซี8ยักยอก88ล้านทุนเสมา

หลังเปิดโปงทุจริตกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ที่เวลา 10 ปีถูกข้าราชการคนในที่รับผิดชอบมาตั้งแต่เริ่มต้น ยักยอกเงินเด็กเข้าตัวเองถึง 88 ล้านบาท “กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต” ถูกพูดถึงตลอดช่วงสัปดาห์ หลังกลุ่มตรวจสอบภายในสำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ขุดพบเกิดการทุจริต โดยข้าราชการหญิงรายหนึ่ง นักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ (ซี8) สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ของ สป.ศธ. กระทำการยักยอกเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ตั้งแต่ปี 2551-2561 ไปจำนวน 88 ล้านบาท โดยเจ้าตัวให้การสารภาพ ต่อ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.ว่ากระทำจริง


“รจนา สินที” ปัจจุบันอายุ 59 ปีจะเกษียณอายุราชการปี 2561 เป็นลูกหม้อของสำนักงานปลัด ศธ. เป็นหัวหน้ากลุ่มโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริสำนักกิจการพิเศษ สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ประสานงานระหว่างศธ.กับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ


ในส่วนกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต “รจนา” ถือได้ว่าร่วมทำงานมาแต่ริเริ่มโครงการเสมาพัฒนาชีวิต ในปี 2538 จนถึงปัจจุบัน และรับผิดชอบในการจัดทำข้อมูล รายละเอียดเสนอการขออนุมัติทุน


ขณะนี้ รจนา ถูกสั่งให้พ้นหน้าที่ในการดูแลกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ปฏิบัติงานที่กลุ่มงานอื่นภายในสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ของ สป.ศธ. และในวันที่ 26 มี.ค.นี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) สป.ศธ. ที่มี ปลัด ศธ. เป็นประธานจะมีการพิจารณาโทษทางวินัย รจนา ซึ่ง นายการุณ ระบุว่า กรณีถือมีความผิดชัดแจ้ง มีโทษวินัยร้ายแรง ซึ่งการลงโทษมีเพียง ปลดออก หรือ ไล่ออก เท่านั้น


ทั้งนี้จากการตรวจสอบการโอนเงินของกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2551 ถึงเดือนมี.ค. 2561 พบว่า มีการอนุมัติเงิน 166,347,721 บาท เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีหน่วยงาน 77,531,072 บาท และเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีบุคคล 88,816,640 บาท เบื้องต้นพบเป็นบัญชีญาติของข้าราชการคนนั้น โดยในปี 2551 และ 2553 ระบบบัญชียืนยันว่าได้จ่ายแล้ว แต่ยังหาเอกสารไม่พบอยู่ระหว่างการตรวจสอบ


ส่วนปี 2552 อนุมัติ 10,892,422บาท โอนบัญชีหน่วยงาน 8,571,276 บาท โอนบัญชีบุคคล 2,320,968 บาท ปี 2554 อนุมัติ 11,409,860 บาท โอนบัญชีหน่วยงาน 7,377,460 บาท โอนบัญชีบุคคล 4,032,400 บาท ปี 2555 อนุมัติ 25,407,608 บาท โอนบัญชีหน่วยงาน 9,074,336 บาท โอนบัญชีบุคคล 16,332,272 บาท ปี 2556 อนุมัติ 37,047,000 บาท โอนบัญชีหน่วยงาน11,806,000 บาท โอนบัญชีบุคคล 25,241,000 บาท ปี 2557 อนุมัติ 10,997,000 บาท โอนบัญชีหน่วยงาน 8,754,000 บาท โอนบัญชีบุคคล 2,243,000 บาท


ปี 2558 อนุมัติ 35,227,000 บาท โอนบัญชีหน่วยงาน 16,954,000 บาท โอนบัญชีบุคคล 18,273,000 บาท ปี 2559 อนุมัติ 18,717,000 บาท โอนบัญชีหน่วยงาน14,169,000 บาท โอนบัญชีบุคคล 4,548,000 บาท ปี 2560 อนุมัติ 13,625,000บาท โอนบัญชีหน่วยงาน 825,000 บาท โอนบัญชีบุคคล 12,800,000 บาท ปี 2561 ถึงเดือนมี.ค. อนุมัติ 3,025,000 บาท โอนเข้าบัญชีบุคคลทั้งหมด


ล่าสุดคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ได้มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนการโกงเงิน “กองทุนเสมาพัฒนาชีวิต” โดยพบว่าข้าราชการหญิงซี 8 ที่ทำเอกสารใช้ในการทุจริตยักยอกเงิน 88 ล้านบาทดังกล่าวในช่วงเวลา 10 ปี คือ “นางรจนา สินที” เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีอาญา 5 ข้อหา อย่างไรก็ตาม ทาง ป.ป.ท.ไม่เชื่อว่าเรื่องนี้กระทำแค่เพียงคนเดียว


ทั้งนี้ “ทุนเสมาพัฒนาชีวิต” เริ่มต้นมาในปี 2538 ในชื่อ “โครงการเสมาพัฒนาชีวิต” สมัยรัฐบาล นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งนั้นมีการประกาศนโยบายแก้ปัญหาเอดส์ และปัญหาเด็กในธุรกิจทางเพศ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการขณะนั้นต้องเข้าไปร่วมในการรณรงค์แก้ปัญหาดังกล่าว โดยเริ่มใน 8 จังหวัดทางภาคเหนือทำการค้นหาเด็กหญิงที่จบชั้น.6 ที่อยู่ในภาวะลำบาก เช่น พ่อแม่หย่าร้าง พ่อ/แม่ตาย หรือ ติดคุก หรือมีหนี้สินมาก มีคนในครอบครัวเคยอยู่ในธุรกิจทางเพศ และคนในชุมชนที่พักอาศัยเคยไปประกอบธุรกิจทางเพศ ให้ได้รับทุนการศึกษาเรียนต่อระดับมัธยมศึกษาตอนต้น และจากการสอบถามเด็กส่วนใหญ่มีความต้องการอยากเป็นตำรวจ พยาบาล ทำงานโรงแรมฃ


ดังนั้น จึงประสานโรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี รับนักเรียนเรียนหลักสูตรพยาบาล 1 ปีจบแล้วเป็นผู้ช่วยพยาบาลต่อมายุติความร่วมมือ ก็ได้ประสานกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดสรรโควตา 50 คนต่อปีสำหรับเด็กทุนเสมาฯได้เรียน โดยปัจจุบันให้ทุนการศึกษาปีละ 55,000 บาท ยังมีทุนเรียนพยาบาลสำหรับเด็กในภาคใต้ 30 ทุนและทุนเรียนพยาบาลกับประเทศกัมพูชา


ขณะเดียวกัน ยังสร้างช่องทางอาชีพ โดยนำเงินกองทุนใช้เพื่อจ้างครู 1 คน ให้ค่าตอบแทน 15,000 บาท ประกันสังคม 750 บาท รวมเป็นเงิน 189,000 บาทต่อคนต่อปี สอนในกลุ่มโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ กลุ่มโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ จำนวน 53 คน โดยมีเงื่อนไขต้องเป็นศิษย์เก่าจาก 2 กลุ่มโรงเรียนดังกล่าว