หุ้นมาสเตอร์คูล 'บวก16%' รับข่าวพลิกกำไร

หุ้นมาสเตอร์คูล 'บวก16%' รับข่าวพลิกกำไร

"มาสเตอร์คูล" หวังปีนี้พลิกกำไร หลังเพิ่มช่องทางออนไลน์ดันมาร์เก็ตแชร์ โหมเจาะตลาดส่งออก เน้นประเทศซีกโลกใต้

ราคาหุ้นมาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล (KOOL) ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเปิดตลาด ณ 12.04 น. เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ2.72 บาท เพิ่มขึ้น 0.38 บาท หรือ 16.24% และในช่วงการซื้อขายช่วงเช้า ทำราคาสูงสุดที่ 2.80 บาท

ทั้งนี้ บริษัทดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายพร้อมให้เช่า พัดลมไอน้ำ-ไอเย็นภายใต้แบรนด์ “มาสเตอร์คูล”

นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หรือ KOOL กล่าวว่า ภาพรวมของการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้ จะปรับตัวสูงขึ้น จากปีก่อน เนื่องจากปัจจัยการแข่งขันอุตสาหกรรมพัดลมไอเย็นปีนี้ รุนแรงน้อยกว่า เนื่องจากจำนวนคู่แข่งลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนซึ่งส่วนใหญ่สินค้าจะเป็นการนำเข้าจากประเทศจีน ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดกลับมาสู่ภาวะปกติ

โดยคาดว่ายอดขายในปีนี้ของบริษัทเติบโตอยู่ที่ 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน และคาดว่าจะทำให้บริษัทสามารถกลับมามีกำไรได้ในปีนี้

ผลประกอบการปี 2560 บริษัทมีรายได้รวม 553 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 889 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 84 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 87 ล้านบาท

“ภาวะการแข่งขันของตลาดลดลงจากปีก่อนอย่างมาก เนื่องจากผู้ประกอบการพัดลมไอเย็น เหลือเพียงแค่รายหลักเท่านั้น ขณะที่บริษัทเองได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ทั้งการออกหนังโฆษณา ผ่านสื่อทีวี และออนไลน์ รวมทั้งการขยายช่องทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น และการขยายตลาดส่งออกเพิ่มขึ้น บริษัทมีเป้าหมายว่าผลประกอบการในปีนี้ จะขยายตัวทั้งยอดขายและสามารถกลับมามีกำไร(Turn Around )ได้อีกครั้ง ”

กลยุทธ์หลักทางการตลาดในปีนี้ บริษัทวางแผนที่จะตอกย้ำความเป็นผู้นำ แบรนด์ “มาสเตอร์คูล” ด้วยภาพยนตร์โฆษณาชุดแรก ชื่อ “มาสเตอร์คูล เย็นไล่ยุง” ผ่านช่องทางตลาด ทั้งออนไลน์ และทางทีวี ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ทั้งผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆด้วย เห็นได้ว่าการทำตลาดสามารถ เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์ ในการเลือกซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น

ขณะเดียวกันในปีนี้ ยังเป็นปีแรกของบริษัทที่ได้ทำระบบ อีคอมเมิร์ช (E-commerce) ผ่าน Shop.masterkool.com ซึ่งเป็นช่องทางการจำหน่ายสำหรับกลุ่มลูกค้าอีกทางหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นแผนการตลาดในระยะยาวที่ทำให้มียอดขายและรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมขยายตลาดไปยังต่างประเทศในเชิงรุก ซึ่งปัจจุบันมีการส่งออกสินค้าไปแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก โดยในปีนี้บริษัทมีแผนที่ขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ เช่น ออสเตรเลีย เม็กซิโก อเมริกาใต้ และแอฟริกา เป็นต้น เนื่องจากประเทศเหล่านี้ จะมีอากาศร้อนในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้บริษัทจะมียอดขายเข้ามาตลอดทั้งปี ส่วนตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV เริ่มมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่องและอยู่ระหว่างการทยอยส่งสินค้าเนื่องจากสภาพภูมิอากาศใกล้เคียงกับประเทศไทย

โดยมีเป้าหมายสัดส่วนยอดขายในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในอีก 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ระดับ 20%